โปรแกรมพัฒนาครูเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตให้แก่นักเรียนในโรงเรียนมัธยมศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

ผู้แต่ง

  • มัญชลี เปี่ยมดี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
  • พชรวิทย์ จันทร์ศิริสิร มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

คำสำคัญ:

ทักษะชีวิต, ครูแนะแนว, โปรแกรมการพัฒนา

บทคัดย่อ

บทความฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาโปรแกรมพัฒนาครูเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตให้แก่นักเรียนในโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ครูผู้สอนกิจกรรมแนะแนวในโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 331 คน และกลุ่มผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ครูผู้สอนกิจกรรมแนะแนวโรงเรียนมัธยมศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 6 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบประเมินความเหมาะสม (IOC 0.8 – 1.0) แบบสอบถาม (IOC 0.6 – 1.0) แบบสัมภาษณ์ (IOC 0.8 – 1.0) แบบประเมินความรู้ก่อนและหลัง (p 0.27 – 0.73) และแบบประเมินความพึงพอใจ (IOC 0.8 – 1.0) สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ การวิเคราะห์เนื้อหา (Content analysis) ค่าเฉลี่ย ( gif.latex?\bar{x}) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการวิเคราะห์ t-test (Dependent Samples t-test) ผลการวิจัยพบว่า โปรแกรม ประกอบด้วย 1) หลักการและเป้าหมายของโปรแกรม 2) จุดมุ่งหมายของโปรแกรม 3) เนื้อหาของโปรแกรม 4) กิจกรรมการพัฒนา และ 5) การประเมินผลโปรแกรม วิธีการดำเนินการโปรแกรม ประกอบด้วย 1) การเตรียมความพร้อม 2) การอบรม 3) การเรียนรู้จากการปฏิบัติงานและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และ 4) การประเมินผล ผลการประเมินโปรแกรมด้านความเหมาะสม ( gif.latex?\bar{x} = 4.52) ด้านความเป็นไปได้ ( gif.latex?\bar{x} = 4.53) และด้านความเป็นประโยชน์ ( gif.latex?\bar{x} = 4.52) มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน และผลการนำโปรแกรมไปใช้ พบว่า 1) การประเมินความรู้ ผู้เข้าร่วมโปรแกรมมีคะแนนประเมินความรู้หลังการเข้าร่วมโปรแกรมสูงกว่าคะแนนประเมินความรู้ก่อนการเข้าร่วมโปรแกรม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) การประเมินการเข้าร่วมกิจกรรม ผู้เข้าร่วมโปรแกรมมีผลการปฏิบัติงานสูงกว่าร้อยละ 80 อยู่ในระดับดีมาก และ  3) การประเมินความพึงพอใจ ผู้เข้าร่วมโปรแกรมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ( gif.latex?\bar{x} = 4.71)

เอกสารอ้างอิง

กรุงเทพธุรกิจ. (2561). เผยเด็กติดยาพุ่ง 3 แสนคน – ท้องก่อนวัยปีละ 1.5 แสน. เรียกใช้เมื่อ 12 พฤษภาคม 2563 จาก http://www.bangkokbiznews.com/news/ detail/788466

ธนียา เทียนคำศรี. (2557). การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมครูเพื่อการออกแบบกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิตในการ แก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับประถมศึกษา. รมยสาร, 12(1), 103 - 115.

นิด้าโพล. (2561). การสำรวจความคิดเห็น หัวข้อเด็กและเยาวชนไทยในยุคไทยแลนด์ 4.0. เรียกใช้เมื่อ 12 พฤษภาคม 2563 จาก http://nidapoll.nida.ac.th/index.php? op=polls-detail&id=576

มติชน. (2560). เด็กไทยวันนี้!! นักวิชาการจุฬาฯ แฉสถานการณ์เด็กไทยมีปัจจัยเสี่ยง 10 ด้าน “ความรุนแรง – แม่วัยใส – ยาเสพติด”. เรียกใช้เมื่อ 12 พฤษภาคม 2563 จาก https://www.matichon.co.th/news/418603

มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. (2550). ชุดวิชาทักษะชีวิต Life Skill หน่วยที่ 1–7. ใน เอกสารการสอน . มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.

ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมด้านเด็กและเยาวชน. (2560). เด็กไทยวันนี้!! นักวิชาการจุฬาฯ แฉสถานการณ์ เด็กไทยมีปัจจัยเสี่ยง 10 ด้าน ความรุนแรง - แม่วัยใส - ยาเสพติด. เรียกใช้เมื่อ 12 พฤษภาคม 2563 จาก https://www.matichon.co.th/news /418603

สกาวเนตร ไทรแจ่มจันทร์. (2558). การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตสำหรับนักเรียน พยาบาลทหารอากาศ. ใน ดุษฎีนิพนธ์การศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารและการจัดการศึกษา. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2559). คู่มือการเสริมสร้างทักษะชีวิตตามจุดเน้นการพัฒนาผู้เรียนระดับประถมศึกษา – มัธยมศึกษา. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.

Krishnendu, M., & Debjani, G. (2014). Status of Life Skill Education in Teacher Education Curriculum of SAARC Countries: A Comparative Evaluation. Journal of Education & Social Policy, 1(1), 93–99.

WHO. (1994). Life Skill Education for Children and Adolescents in School. London: Education Development Center.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

06/25/2020

รูปแบบการอ้างอิง

เปี่ยมดี ม. ., & จันทร์ศิริสิร พ. . (2020). โปรแกรมพัฒนาครูเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตให้แก่นักเรียนในโรงเรียนมัธยมศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. วารสารมานุษยวิทยาเชิงพุทธ, 5(6), 295–311. สืบค้น จาก https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JSBA/article/view/241949

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย