รูปแบบการบริหารงานประกันคุณภาพการศึกษาสมรรถนะสูง ของโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
คำสำคัญ:
รูปแบบการบริหาร, การบริหารงานประกันคุณภาพการศึกษาสมรรถนะสูง, สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบทคัดย่อ
บทความฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหา ความต้องการและแนวทางปฏิบัติที่ดีของการบริหารงานประกันคุณภาพการศึกษาสมรรถนะสูงของโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การการศึกษาประถมศึกษา 2) สร้างรูปแบบ การบริหารงานประกันคุณภาพการศึกษาฯ และ 3) ประเมินรูปแบบการบริหารงานประกันคุณภาพการศึกษาฯ เป็นงานวิจัยและพัฒนา ประชากรและกลุ่มตัวอย่างคือ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา มีวิธีดำเนินการวิจัย ดังนี้ 1) ศึกษาสภาพการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา ปัญหาและความต้องการโดยใช้แบบสอบถาม จำนวน 379 ชุด และศึกษาโรงเรียนที่มีวิธีปฏิบัติที่ดีจำนวน 3 โรงเรียน 2) ร่างรูปแบบจากผู้ทรงคุณวุฒิ โดยการประชุมปฏิบัติการและตรวจสอบร่างรูปแบบโดยการสัมมนาอิงผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา ด้านการวิจัย การประกันคุณภาพ และ 3) ประเมินรูปแบบการบริหารงานประกันคุณภาพการศึกษาฯ จากผู้บริหารสถานศึกษาและครูโดยการสัมมนาประชาพิจารณ์ สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การแจกแจงความถี่และการวิเคราะห์ข้อมูล ผลการวิจัยพบว่า สภาพปัจจุบันในการดำเนินงานอยู่ในระดับมาก ปัญหาที่พบคือ ขาดแคลนครูและความต้องการคือครูครบชั้นเรียน และวิธีปฏิบัติที่ดีในการดำเนินงานคือภาวะผู้นำของผู้บริหารและการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย รูปแบบการบริหารการประกันคุณภาพการศึกษา ฯ ประกอบด้วย 7 องค์ประกอบ ดังนี้ 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ 3) ปัจจัยนำเข้า 4) กระบวนการ 5) ผลผลิต 6) ผลลัพธ์ 7) เงื่อนไขส่งเสริมความสำเร็จ คู่มือการใช้รูปแบบมีองค์ประกอบ 5 บท คือ บทที่ 1 บทนำ บทที่ 2 การศึกษารูปแบบ บทที่ 3 บทบาทของผู้ที่เกี่ยวข้อง บทที่ 4 การจัดโครงสร้างการบริหาร และบทที่ 5 ข้อควรปฏิบัติ ทั้งนี้ผลการประเมินรูปแบบด้านความเป็นประโยชน์และความเป็นไปได้ อยู่ในระดับมากที่สุด
เอกสารอ้างอิง
กฎกระทรวง การประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. 2561. (2561). ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 135 ตอนที่ 11 ก (23 กุมภาพันธ์ 2561).
ทิศนา แขมมณี. (2545). วิธีการสอนสำหรับครูมืออาชีพ. กรุงเทพมหานคร: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
บุญชม ศรีสะอาด. (2556). วิธีการทางสถิติสำหรับการวิจัย เล่ม 1. (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพมหานคร: สุวีริยาการพิมพ์.
ภาคภูมิ ฤกขะเมธ. (2553). องค์การที่มีสมรรถนะสูงในองค์การภาครัฐ: ตามมุมมองของทฤษฎีโครงสร้างตามสถานการณ์และแนวคิดด้านวัฒนธรรม. วารสารวิทยาการจัดการ, 27(1-2), 35 - 46.
รัชวดี แสงมหะหมัด. (2560). ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา: คุณภาพสังคมที่คนไทยมองเห็น. วารสารรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์, 8(1), 33 - 66.
วัชรินทร์ ปลื้มจิตต์. (2555). คุณลักษณะของผู้บริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการ บริหารงบประมาณของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 2. ใน วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี.
วันเพ็ญ บุรีสูงเนิน. (2552). ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จการบริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เขตพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก. ใน ดุษฎีนิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. มหาวิทยาลัยศิลปากร.
วิทยากร เชียงกูล. (2559). รายงานสภาวะการศึกษาไทย ปี 2557/2558 จะปฏิรูปการศึกษาไทยให้ทันโลกในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างไร. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ.
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ. (2558). เกณฑ์คุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐระดับพื้นฐาน ฉบับที่ 2. กรุงเทพมหานคร: บริษัท วิชั่น พริ้นท์แอนด์มีเดีย จำกัด.
สำนักทดสอบทางการศึกษา. (2560). คู่มือการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ. กรุงเทพมหานคร: สำนักทดสอบทางการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ.
Bardo, J. W. & Hartman, J. J. (1982). Urban sociology: A systematic introduction. New York: F.E.Peacock.
Krejcie, R. V. & Morgan, D. W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607-610.




