การพัฒนาการจัดการเรียนรู้ห้องเรียนกลับด้าน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา โรงเรียนสาธิตเทศบาลวัดเพชรจริก อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช
คำสำคัญ:
การพัฒนาการจัดการเรียนรู้, ห้องเรียนกลับด้าน, ชุดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้บทคัดย่อ
บทความฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาชุดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ห้องเรียนกลับด้าน วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสาธิตเทศบาลวัดเพชรจริก อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) ศึกษาข้อเสนอแนะเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ห้องเรียนกลับด้าน วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสาธิตเทศบาลวัดเพชรจริก อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นการวิจัยแบบเชิงทดลองขั้นต้น กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ห้อง 3/3 จำนวน 32 คน ได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ชุดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ห้องเรียนกลับด้าน และแบบสอบถามเกี่ยวกับข้อเสนอแนะ เป็นคำถามแบบปลายเปิด ผลการวิจัยพบว่า 1) การพัฒนาชุดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ห้องเรียนกลับด้าน พบว่า นักเรียนสามารถทำคะแนนระหว่างเรียนจากการใช้ชุดกิจกรรม รวมกันแล้วได้คะแนนทั้งหมด 2141 คะแนน จากคะแนนเต็ม 2560 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 83.63 และนักเรียนสามารถทำคะแนน หลังเรียน หลังจากผ่านการจัดการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรม รวมกันแล้วได้คะแนนทั้งหมด 807 คะแนน จากคะแนนเต็ม 960 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 84.06 ดังนั้น ประสิทธิภาพชุดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ห้องเรียนกลับด้าน มีประสิทธิภาพเท่ากับ (E1/E2) 83.63/84.06 มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้ 2) ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ห้องเรียนกลับด้าน พบว่า กระบวนการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ห้องเรียนกลับด้าน มีข้อดี คือ เป็นการจัดการเรียนรู้แบบใหม่ เข้าถึงกับวัยของผู้เรียนและมีความทันสมัยแบบมีส่วนร่วม ส่วนข้อเสีย คือ ครูผู้สอนต้องเพิ่มความพร้อมและความสอดคล้องด้านระบบ IT (Information of Technology) อย่างทั่วถึงและสม่ำเสมอ
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทยจำกัด.
เกศินี ครุณาสวัสดิ์. (2562). สภาพและปัญหาการจัดการเรียนการสอนสังคมศึกษา เพื่อพัฒนาจริยธรรมในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น. เรียกใช้เมื่อ 29 กรกฎาคม 2562 จาก https://madlab.cpe.ku.ac.th/TR2/?itemID=424184
เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว. (2562). เมื่อ Thailand 4.0 ถูกขับเคลื่อนด้วย Education 2.0. เรียกใช้เมื่อ 28 กรกฎาคม 2562 จาก http://apps.qlf.or.th/member/Uploaded Files/prefix-16072559-042327-4g1SD1.pdf.
ทิชานนท์ ซุมแวงวาปี และลัดดา ศิลาน้อย. (2558). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะการแก้ปัญหาด้วยวิธีการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับเทคนิคห้องเรียนกลับด้านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 34(4), 7-19.
ปิยะวดี พงษ์สวัสดิ์ และณมน จีรังสุวรรณ. (2558). การออกแบบรูปแบบการจัดการเรียนรู้ห้องเรียนกลับด้านโดยใช้กิจกรรม WebQuit เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21. วารสารวิชาการครุศาสตร์อุสาหกรรม พระจอมเกล้าพระนครเหนือ, 5(1), 151-157.
เมธา อึ่งทอง และคณะ. (2561). การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับด้าน เพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาหลักวิชาชีพครู. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยธนบุรี, 12(ฉบับพิเศษ ตุลาคม 2561), 84-96.
อัจฉรา เชยเชิงวิทย์ และธีรพงษ์ วิริยานนท์. (2560). การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับด้าน โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือผ่านเครือข่ายสังคม. วารสารเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, 7(1), 163-171.
อิสรา โต๊ะยีโกบ และคณะ. (2560). รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้านสำหรับการปฏิบัติการวิธีการทางภูมิศาสตร์ระดับมัธยมศึกษา. วารสารนาคบุตรปริทรรศน์, 9(1), 109-123.




