รูปแบบการจัดบริการแนะแนวเชิงรุกสำหรับสถานศึกษาเอกชน ระดับมัธยมศึกษา
คำสำคัญ:
การแนะแนวเชิงรุก, สถานศึกษาเอกชน, มัธยมศึกษาบทคัดย่อ
บทความฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบัน 2) พัฒนารูปแบบ 3) ประเมินรูปแบบการจัดบริการแนะแนวเชิงรุก ใช้ระเบียบวิธีวิจัยและพัฒนาดำเนินการวิจัยดังนี้ ศึกษาแนวคิด ทฤษฎีและแบบสอบถามสภาพปัจจุบันของกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ โรงเรียนเอกชนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก จังหวัดชลบุรี 47 โรงเรียน แบ่งเป็นโรงเรียนขนาดเล็กจำนวน 3 โรงเรียน ขนาดกลางจำนวน 2 โรงเรียน ขนาดใหญ่จำนวน 2 โรงเรียน รวมทั้งสิ้น 7 โรงเรียน ได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจงโดยขนาดของโรงเรียนจำนวน 5 โรงเรียนและได้ดำเนินการสังเคราะห์ข้อมูลแล้วนำมาสรุปพร้อมทั้งตรวจสอบยืนยัน โดยผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 คน และสนทนากลุ่มโดยการวิเคราะห์เนื้อหาและตรวจสอบความเที่ยงตรงและค่าความเชื่อมั่น ที่ระดับ .05 ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพการจัดบริการแนะแนวเชิงรุกสำหรับสถานศึกษาเอกชนระดับมัธยมศึกษา 5 ด้าน คือ งานด้านบริการเก็บรวบรวมข้อมูลรายบุคคล งานด้านบริการสนเทศ งานด้านบริการให้คำปรึกษา งานด้านบริการจัดวางตัวบุคคล งานด้านบริการติดตามผล พบว่าด้านบริการให้คำปรึกษาและด้านบริการติดตามผลมีการปฏิบัติอยู่ในระดับน้อย 2) ผลการพัฒนารูปแบบการจัดบริการแนะแนวเชิงรุกใช้ 3 กิจกรรม คือ สร้างคู่มือการแนะแนวเชิงรุก การให้คำปรึกษาของครูแนะแนว การติดตามผล และสะท้อนผลสู่ครู นักเรียน เนื้อหาของคู่มือคำแนะนำการใช้คู่มือ ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับงานบริการแนะแนวเชิงรุก ความหมาย หลักการสำคัญ และวัตถุประสงค์การบริการแนะแนวเชิงรุกความรู้เบื้องต้นรูปแบบการสนทนากลุ่มไลน์แล้วประเมินผล 3) ผลการประเมินรูปแบบการจัดบริการแนะแนวเชิงรุกสำหรับสถานศึกษาเอกชนที่พัฒนาขึ้นพบว่า ทั้ง 4 กิจกรรมเป็นประโยชน์ต่อการนำไปใช้และมีความเหมาะสมและความเป็นไปได้อยู่ในระดับมากที่สุด
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 - 2579. เรียกใช้เมื่อ 5 มิถุนายน 2563 จาก https://www.moe.go.th//แผนการศึกษาแห่งชาติ-พ-ศ-2560
น้ำลิน เทียมแก้ว และรุ่งเรือง สิทธิจันทร์. (2557). ศึกษาการพัฒนารูปแบบการบริการสารสนเทศเชิงรุกฉับไวทันใจผู้ใช้บริการ. PULINET Journal, 1(3), 37-43.
ปัญญา ธีระวิทยเลิศ. (2558). การพัฒนาคู่มือแนวทางการสร้างเครื่องมือการวัดผลประเมินผลที่สอดคล้องกับกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติสำหรับพนักงานมหาวิทยาลัยสายวิชาการ. ใน รายงานการวิจัย. สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม.
มนตรี อินตา และคณะ. (2561). การแนะแนวกับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของวัยรุ่น. วารสาร Veridian E-Journal, 11(2), 2513-2530.
วนัญญา แก้วแก้วปาน. (2563). การศึกษาการจัดบริการแนะแนวเพื่อพัฒนาผู้เรียนในศตวรรษที่ 21. นครปฐม: มหาวิทยาลัยศิลปากร.
สมเกียรติ เจษฎากุลทวี. (2563). ระบบการบริหารงานแนะแนวมุ่งอนาคตในสถานศึกษา สังกัดเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา. วารสารสังคมศาสตร์และมานุษยวิทยาเชิงพุทธ, 5(2), 269-288.
สโรชา เสรีนนท์ชัย. (2560). พฤติกรรมและการยอมรับสื่อสังคมออนไลน์เพื่อการสื่อสารองค์กรของบุคลากรมหาวิทยาลัยมหิดล. วารสารนิเทศสยามปริทัศน์, 17(23), 137-147.
สุทัศน์ เดชกุญชร. (2561). รูปแบบการบริหารจัดการงานแนะแนวการศึกษาที่มีประสิทธิผล สำหรับสถานศึกษา. ใน ดุษฎีนิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ.
Jarmo R. Lehtinen. (2550). การบริการลูกค้าสัมพันธ์เชิงรุก (แปลและเรียบเรียงโดย ธีระศักดิ์ กำบรรณารักษ์). กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
Krejcie, R. V. & Morgan, D. W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607-610.
Lehmanowsky, M. B. (1991). Guidance and counseling services: Perceived student needs. Retrieved June 12, 2020, from https://www.proquest.com/docview/303927331
Titichaya Noofoon. (2555). การบริการเชิงรุกของห้องสมุด. เรียกใช้เมื่อ 25 กันยายน 62 จาก http://530110279-proactive.blogspot.com/




