ปัจจัยที่มีผลต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตจังหวัดปทุมธานี
คำสำคัญ:
การมีส่วนร่วม, ประชาชน, การจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่นในเขตจังหวัดปทุมธานีบทคัดย่อ
บทความฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับการมีส่วนร่วมของประชาชน 2) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการมีส่วนร่วมของประชาชน และ 3) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของปัจจัยที่มีผลต่อการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยเป็นการวิจัยแบบผสานวิธี ประชากร ได้แก่ ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตจังหวัดปทุมธานี จำนวน 1,163,604 คน เครื่องมือที่ใช้คือ แบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์เชิงลึก การสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม และการสนทนากลุ่มเฉพาะ นำข้อมูลมาวิเคราะห์เชิงเนื้อหาประกอบบริบท และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าสถิติ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ค่าที (t - test) และค่า One Way ANOVA (F-test) ค่าสถิติสหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และค่าไคสแควร์ ผลการวิจัยพบว่า 1) การมีส่วนร่วมของประชาชน โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากทั้ง 5 ด้าน คือ ด้านการร่วมรับผลประโยชน์ มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมา ด้านการร่วมปฏิบัติ ด้านการร่วมติดตามและประเมินผล ด้านการร่วมตัดสินใจ และด้านการร่วมคิด มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด 2) ปัจจัยที่มีผลต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนโดยรวม อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากทั้ง 2 ด้าน คือปัจจัยด้านการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล มีค่าเฉลี่ยสูงสุด และด้านปัจจัยจูงใจ มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด และ 3) ปัจจัยด้านแรงจูงใจและด้านการบริหารตามหลักธรรมาภิบาล มีความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .01 ยกเว้นด้านการร่วมตัดสินใจ การร่วมคิดและด้านการร่วมปฏิบัติไม่มีความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมของประชาชน ผลวิจัยเชิงคุณภาพพบว่า “ประชาชนร้อยละ 90 ไม่ให้ความสำคัญคิดว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ประชาชนไม่มีเวลาที่จะเข้าร่วมจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่น เพราะเวลาส่วนใหญ่ต้องประกอบอาชีพ”
เอกสารอ้างอิง
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย. (2550). แนวทางการเสริมสร้างความพร้อมในการจัด การศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงมหาดไทย.
กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น. (2542). คู่มือการติดตามและประเมินผลการจัดทำและแปลงแผนไปสู่การปฏิบัติขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงมหาดไทย.
โกวิทย์ พวงงาม. (2559). การปกครองท้องถิ่นไทย: หลักการและมิติใหม่ในอนาคต (พิมพ์ครั้งที่ 9). กรุงเทพมหานคร: บพิธการพิมพ์.
เครือวัลย์ สืบอ้าย. (2550). การมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาท้องถิ่น: ศึกษาเฉพาะกรณีองค์การบริหารส่วนตำบลหนองแฝก อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่. ใน สารนิพนธ์ศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขารัฐศาสตร์. มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย.
โฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์. (2526). การพัฒนาประเทศ: แนวคิดและทิศทาง. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ดอกเบี้ย.
ถวิลวดี บุรีกุล. (2551). การมีส่วนร่วม: แนวคิดทฤษฎีและกระบวนการ. กรุงเทพมหานคร: สถาบันพระปกเกล้า.
นริชา สุขฉัตร. (2552). การมีส่วนร่วมของประชาชนที่มีต่อการพัฒนาท้องถิ่นในเขตเทศบาลเมืองอโยธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. ใน สารนิพนธ์ศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขารัฐศาสตร์. มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย.
บุญชม ศรีสะอาด. (2556). วิธีการทางสถิติสำหรับการวิจัย เล่ม 1 (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพมหานคร: สุวีริยาการพิมพ์.
ศรีสมร ราชโคตร. (2552). บทบาทของกรรมการชุมชนในเขตเทศบาลตำบลหนองโก อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น. ใน สารนิพนธ์ศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขารัฐศาสตร์. มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย.
สุชานันท์ สาทา. (2550). การมีส่วนร่วมของประชาชนในการบริหารงานของเทศบาลตำบลนาจารย์ : ศึกษาเฉพาะกรณีเทศบาลตำบลนาจารย์ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์. ใน สารนิพนธ์ศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขารัฐศาสตร์ . มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย.
สุเมธ ทรายแก้ว. (2547). ปัจจัยที่มีผลต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ. ใน วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการจัดการ. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
แสงนภา ทองวิทยา. (2550). การมีส่วนร่วมของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดในการพัฒนาท้องถิ่น ศึกษากรณีจังหวัดนครปฐม. ใน รายงานการวิจัย. มหาวิทยาลัยบูรพา.
องค์กรปกครองส่วนจังหวัดปทุมธานี. (2562). รายงานประจำปีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดปทุมธานี. ปทุมธานี: องค์กรปกครองส่วนจังหวัดปทุมธานี.
Cronbach, L. J. (1990). Essentials of psychological testing. New York: Harper Collins Publishers.
Krejcie, R. V., & Morgan, D. W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607 – 610.




