รูปแบบการพัฒนาศักยภาพการปฏิบัติหน้าที่เชิงพุทธบูรณาการของพระวินยาธิการจังหวัดปทุมธานี

บทคัดย่อ

            บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพบริบทและปัญหาการปฏิบัติหน้าที่ของพระวินยาธิการในจังหวัดปทุมธานี 2) ศึกษารูปแบบการพัฒนาศักยภาพของพระวินยาธิการตามหลักพระพุทธศาสนาเถรวาท 3) พัฒนาและนำเสนอรูปแบบการพัฒนาศักยภาพการปฏิบัติหน้าที่เชิงพุทธบูรณาการของพระวินยาธิการจังหวัดปทุมธานี โดยใช้วิธีวิจัยแบบการวิจัยและพัฒนา หรือ (R and D) ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม 1) กลุ่มผู้ให้ข้อมูลหลัก ได้แก่ กลุ่มพระวินยาธิการในจังหวัดปทุมธานี ที่ได้รับแต่งตั้ง 7 อำเภอ รวม 60 รูป 2) กลุ่มผู้ให้ข้อมูลรอง 23 รูป/คน ผลการวิจัยพบว่า 1) พระวินยาธิการส่วนใหญ่เป็นพระสังฆาธิการโดยตำแหน่ง แต่ยังขาดความรู้และทักษะที่จำเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่ เช่น ทัศนคติ ทักษะการสื่อสาร ความรู้ด้านกฎหมาย และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 2) รูปแบบการพัฒนาได้นำองค์ความรู้ตามหลักพระพุทธศาสนาเถรวาทคือไตรสิกขาและวิทยาการร่วมสมัยมาบูรณาการร่วมกัน ทดสอบรูปแบบจนเกิดประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อนำรูปแบบไปพัฒนาศักยภาพการปฏิบัติหน้าที่ของพระวินยาธิการ  3) จากการนำรูปแบบที่พัฒนาไปทดลองใช้กับกลุ่มตัวอย่าง พบว่ามีระดับทักษะเมื่อผ่านการทดลองแล้วสูงกว่าก่อนการทดลอง ภาพรวมมีทักษะอยู่ในระดับสูง ร้อยละ 78.33 ทั้งพบว่า ยังสามารถลดระยะเวลาการพัฒนาศักยภาพลงได้อีกด้วยการเรียบเรียงเฉพาะแนวปฏิบัติที่ดี หรือ Best Practice รูปแบบการพัฒนาศักยภาพการปฏิบัติหน้าที่เชิงพุทธบูรณาการเป็นองค์ความรู้ใหม่ที่สอดคล้องกับแผนการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาด้านการปกครอง พ.ศ. 2560 - 2564 ของมหาเถรสมาคม ตรงตามความต้องการของคณะกรรมการพระวินยาธิการจังหวัดปทุมธานี สามารถนำไปพัฒนาต่อยอดและนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทพื้นที่อื่น ๆ ได้ต่อไป