การรับรู้มาตรการควบคุมพฤติกรรมการใช้สารเคมีเพื่อความปลอดภัยของเกษตรกร
คำสำคัญ:
มาตการควบคุม, สารเคมี, ไกลโฟเซต, ความปลอดภัย, เกษตรกรบทคัดย่อ
บทความฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของการรับรู้มาตรการควบคุมและลดการใช้สารเคมีกับพฤติกรรมการใช้สารไกลโฟเซตของเกษตรกร เป็นการวิจัยเชิงผสมผสาน ประชากรที่ใช้ในการวิจัยเชิงปริมาณ คือ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่อยู่ในเขตพื้นที่สำนักงานวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2 คำนวณกลุ่มตัวอย่างจากสูตรของเครซี่และมอร์แกน ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 382 คน ใช้วิธีสุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญ การวิจัย เชิงคุณภาพมีกลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญ โดยคัดเลือกแบบเจาะจง ได้แก่ ผู้บริหารและนักวิชาการสำนักงานวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2 และ สำนักงานเกษตรจังหวัดพิษณุโลก รวม 6 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และการวิเคราะห์ถดถอยเชิงพหุคูณ โดยกำหนดค่าระดับนัยสำคัญทางสถิติเท่ากับ .05 วิเคราะห์ข้อมูลงานวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการตีความ ซึ่งได้จากการสัมภาษณ์ และวิเคราะห์เนื้อหาซึ่งได้จากการศึกษาเอกสาร โดยมุ่งเน้นที่วัตถุประสงค์และกรอบแนวคิดของการวิจัย ผลการศึกษาพบว่า เกษตรกรมีการรับรู้มาตรการควบคุมและลดการใช้สารเคมีของเกษตรกร อยู่ในระดับมาก ( = 2.37) และเกษตรกรทั้งหมด ให้ความตระหนักถึงความสำคัญในการปฏิบัติตามวิธีการใช้สารไกลโฟเซตที่ถูกต้อง ทั้งก่อนการฉีดพ่น ระหว่างการฉีดพ่น และหลังการฉีดพ่น อยู่ในระดับมาก ( = 2.88) มาตรการควบคุมและลดการใช้สารไกลเซตมีความสัมพันธ์ทางบวกระดับปานกลางต่อพฤติกรรมการใช้สารไกลโฟเซตของเกษตรกร ที่ระดับนัยสำคัญ .01 (r = .306, p - value = .000) และ มาตรการทางกฎหมาย มาตรการอบรมให้ความรู้และประชาสัมพันธ์ มาตรการวิจัยหาทางเลือกทดแทน และมาตรการควบคุมการนำเข้าพื้นที่เพาะปลูก มีความผันแปรที่ 19.6%, 18.0%, 12.8% และ 12.5% ตามลำดับ
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. (2563). ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์: เนื้อที่เพาะปลูก เนื้อที่ เก็บเกี่ยว ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่ รายอำเภอ ปีเพาะปลูก 2562/63.เรียกใช้เมื่อ 6 พฤศจิกายน 2563 จาก http://www.oae.go.th/assets/portals/1/fileups/prcaidata/files/maize%20province%2062.pdf
กองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข. (2561). รายงานสถานการณ์โรคและภัยสุขภาพจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม ปี 2561. นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข.
คณะกรรมการวัตถุอันตราย. (2561). เอกสารการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายครั้งที่ 32-3/2561. เรียกใช้เมื่อ 6 มิถุนายน 2563 จาก http://reg3.diw.go.th/academic/wp-content/uploads/2019/08/61/agenda32-3_2561.pdf
พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535. (2535). ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม 109 ตอนที่ 39 (6 เมษายน 2535).
มนัส ชยาพัฒน์ และฌานิทธิ์ สันตะพันธุ์. (2563). ปัญหาการควบคุมสารเคมีป้องกันกาจัดศัตรูพืชตกค้างในผักและผลไม้ของประเทศไทย. วารสารมหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ, 9(1), 76-85.
ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม. (2560). การศึกษาพัฒนาแนวทางการจัดการความเสี่ยงจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟตในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนด้วยกระบวนการวิจัยแบบมีส่วนร่วมปีที่ 2: จังหวัดลำพูนและจังหวัดลำปาง. ใน รายงานผลการวิจัย. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม.
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา. (2563). สธ. ย้ำจุดยืนแบน 3 สารเคมีอันตรายทางการเกษตร เพื่อปกป้องสุขภาพคนไทย. เรียกใช้เมื่อ 9 มีนาคม 2564 จาก https://oryor.com/อย/news/detail/49/1887
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2563). แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ. เรียกใช้เมื่อ 9 มีนาคม 2564 จาก http://nscr.nesdb.go.th/wp-content/uploads/2019/04/03-การเกษตร.pdf.
สุวรรณา ประณีตวตกุล และคณะ. (2557). โครงการสารเคมีกำจัดศัตรูพืชสิ่งแวดล้อมและความเปราะบางสู่ความยากจนของครัวเรือนเกษตรกรในประเทศไทย. ใน รายงานวิจัย. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
สุวิทย์ วรรณศรี และคณะ. (2555). การเพิ่มผลผลิตผักปลอดสารเคมีทางการเกษตร แบบมีส่วนร่วมของเกษตรกรในจังหวัดเพชรบูร์. ใน รายงานแผนงานวิจัย. มหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบูรณ์.
Best, J. W. (1977). Research in Education. Edited by 3. New Jersey: Prentice hall Inc.
Krejcie, R. V. & Morgan, E. W. (1970). Determining Sampling Size for Research Activities. Journal of Education and Psychological Measuremen, 30(1970), 607-610.
Pham, V. Hoi. (2016). Pesticide use in Vietnamese vegetable production: a 10-year study. International Journal of Agricultural.Taylor&Francis, 14(3), 325-338.




