การยกระดับศักยภาพความเข้มแข็งของชุมชนด้วยวิจัยและนวัตกรรม
คำสำคัญ:
ศักยภาพ, ความเข้มแข็งของชุมชน, วิจัยและนวัตกรรมบทคัดย่อ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลการยกระดับศักยภาพความเข้มแข็งของชุมชนด้วยองค์ความรู้จากงานวิจัยและนวัตกรรม เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ ใช้ระเบียบการวิจัยแบบผสานวิธี กลุ่มตัวอย่างคือชุมชนจำนวน 269 ชุมชน คัดเลือกแบบเจาะจงจากศูนย์เรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ประจำตำบลทั่วประเทศ เก็บข้อมูลเชิงปริมาณด้วยแบบสอบถาม วิเคราะห์ด้วยค่าร้อยละและการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยความเข้มแข็งก่อนและหลังดำเนินการ เก็บข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการสังเกตแบบมีส่วนร่วม วิเคราะห์แบบอุปนัยโดยใช้โมเดลการพัฒนาชุมชนเป็นแนวคิดหลัก ผลการวิจัย พบว่า 1) การจัดการผลผลิตทางการเกษตรด้วยเครื่องอบแห้งอินฟราเรดแบบถังหมุน ช่วยยกระดับความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจจากปานกลางเป็นมาก 2) การพัฒนาอาชีพเพาะเห็ดสำหรับชุมชนด้วยนวัตกรรมตู้เพาะเห็ดอัตโนมัติ ช่วยยกระดับความเข้มแข็งภาพรวม การเรียนรู้ และการพัฒนาภาคประชาชนจากมากเป็นมากที่สุด และด้านเศรษฐกิจจากน้อยเป็นปานกลาง 3) การแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรด้วยระบบอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์แบบเรือนกระจก ช่วยยกระดับความเข้มแข็งภาพรวมและการเรียนรู้จากมากเป็นมากที่สุด และด้านเศรษฐกิจจากปานกลางเป็นมาก 4) การใช้เครื่องสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับชุมชนสังคม ช่วยยกระดับความเข้มแข็งการเรียนรู้จากมากเป็นมากที่สุด และด้านเศรษฐกิจจากปานกลางเป็นมาก และ 5) เทคโนโลยีเครื่องกลั่นน้ำส้มควันไม้เพื่อยกระดับสินค้าชุมชน ช่วยยกระดับความเข้มแข็งภาพรวม การเรียนรู้ และเศรษฐกิจจากมากเป็นมากที่สุด ผลการประเมินสรุปได้ว่า การที่ชุมชนได้รับการสนับสนุนองค์ความรู้จากงานวิจัยและนวัตกรรมเป็นการพัฒนาในองค์ประกอบการพึ่งตนเองทางเทคโนโลยี และมีผลในการยกระดับศักยภาพความเข้มแข็งของชุมชนได้จริงภายใต้ตัวแบบ “C3 - SPERIT Model”
เอกสารอ้างอิง
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม. (2558). วัฒนธรรม วิถีชีวิต และภูมิปัญญา. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงวัฒนธรรม.
กองบริหารงานวิจัยและประกันคุณภาพการศึกษา สวทช. (2560). พิมพ์เขียว Thailand 4.0 โมเดลขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความมั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืน. เรียกใช้เมื่อ 25 กันยายน 2563 จาก https://waa.inter.nstda.or.th/stks/pub/2017/20171114-draeqa-blueprint.pdf
จรูญ จันทรตะกอง. (25 มิถุนายน 2563). การสื่อสารส่วนบุคคล. (ชญาดา เข็มเพชร, ผู้สัมภาษณ์)
ชญาดา เข็มเพชร. (2559). การพัฒนาผู้นำต้นแบบในสังคมไทย. ใน ดุษฎีนิพนธ์พุทธศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์. มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
บุญแทน เหล่าสุพระ. (3 กรกฎาคม 2563). การสื่อสารส่วนบุคคล. (ชญาดา เข็มเพชร, ผู้สัมภาษณ์)
บุษราภรณ์ พวงปัญญา และภักดี โพธิ์สิงห์. (2560). ศูนย์การเรียนรู้เพื่อการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น. ธรรมทรรศน์, 17(1), 193-203.
พรชัย พรหมรำไพวงศ์. (19 ธันวาคม 2563). การสื่อสารส่วนบุคคล. (ชญาดา เข็มเพชร, ผู้สัมภาษณ์)
เพ็ญประภา ภัทรานุกรม. (2560). บทที่ 6 วิจัยเพื่อท้องถิ่น: บทบาทมหาวิทยาลัยในการขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน. วารสารร่มพฤกษ์มหาวิทยาลัยเกริก, 35(3), 138-145.
วุฒิชัย สายบุญจวง. (2561). ชุมชนเข้มแข็งในทัศนะของชาวชุมชน กรณีศึกษาบ้านปลายคลองบางโพธิ์เหนือ หมู่ที่ 3 ตำบลบางโพธิ์เหนือ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี. วารสาร วไลยอลงกรณ์ปริทัศน์ (มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์), 8(1), 119-129.
สถาบันเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน มหาวิทยาลัยนเรศวร. (2552). โครงการวิจัยเพื่อรวบรวมผลการดำเนินโครงการของหมู่บ้าน/ชุมชนที่ต้องการปฏิบัติการที่ดี (Best Practice) ในการบริหารจัดการโครงการตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง. พิษณุโลก: ทิพย์เสนาการพิมพ์.
สมพาน นุสีวอ. (18 กรกฎาคม 2563). การสื่อสารส่วนบุคคล. (ชญาดา เข็มเพชร, ผู้สัมภาษณ์)
สุริยา ขันแก้ว. (25 มิถุนายน 2563). การสื่อสารส่วนบุคคล. (ชญาดา เข็มเพชร, ผู้สัมภาษณ์)
อรรถ สุขขะ. (7 มีนาคม 2563). การสื่อสารส่วนบุคคล. (ชญาดา เข็มเพชร, ผู้สัมภาษณ์)
Buzan, B. et al. (1999). Security: A New Framework for Analysis. American Political Science Review, 93(4), 1010-1011.
Mani, A. et al. (2013). Poverty Impedes Cognitive Function. Science, 341(6149), 976-980.




