การพัฒนาแบบวัดความรอบรู้ด้านสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุเพื่อรองรับไทยแลนด์ 4.0

ผู้แต่ง

  • ณัฐวดี จิตรมานะศักดิ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
  • โสภณา จิรวงศ์นุสรณ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
  • สาริน ฤทธิสาร มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
  • พวงผกา ภูยาดาว มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร

คำสำคัญ:

การพัฒนา, แบบวัดความรอบรู้ด้านสุขภาพ, ผู้สูงอายุ, ไทยแลนด์ 4.0

บทคัดย่อ

           บทความฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแบบวัดความรอบรู้ด้านสุขภาพ และศึกษา ความรอบรู้ด้านสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ เพื่อรองรับไทยแลนด์ 4.0 เป็นการวิจัยแบบผสมผสานวิธี การสร้างแบบวัดความรอบรู้ แบ่งเป็น 2 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 การวิเคราะห์และสังเคราะห์แบบวัดความรอบรู้ ในประเด็น 3 อ 2 ส โดยผู้เชี่ยวชาญและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเทศบาล เมืองพิมลราช จังหวัดนนทบุรี กลุ่มตัวอย่างจำนวน 15 คน ระยะที่ 2 การพัฒนาแบบวัดความรอบรู้ โดยผู้ทรงคุณวุฒิ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยใช้เทคนิควิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) ได้แบบวัดความรอบรู้ด้านสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุตามแบบจำลอง V - shape ใน 6 องค์ประกอบ ได้แก่ ความสามารถหรือทักษะการเข้าถึงข้อมูล จำนวน 25 ข้อ ความเข้าใจข้อมูล จำนวน 20 ข้อ การโต้ตอบซักถามและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จำนวน 15 ข้อ การตัดสินใจ จำนวน 15 ข้อ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ จำนวน 18 ข้อ และการบอกต่อข้อมูลด้านสุขภาพ จำนวน 18 ข้อ มีค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) อยู่ระหว่าง 0.80 - 1.00 ค่าความเชื่อมั่นอยู่ระหว่าง 0.90 - 0.98 ค่าอำนาจจำแนก (r) อยู่ระหว่าง 0.40 - 0.95 จากนั้นนำแบบวัดไปใช้กับกลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้สูงอายุที่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตสุขภาพที่ 4 กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 400 คน 2) ผู้สูงอายุมีความรอบรู้ด้านความสามารถหรือทักษะการเข้าถึงข้อมูลในระดับพอใช้ สำหรับอีก 5 องค์ประกอบอยู่ในระดับดี และมีผลรวมความรอบรู้ด้านสุขภาพในระดับดี แสดงว่าผู้สูงอายุสามารถปฏิบัติตนที่ดีด้านสุขภาพได้ เนื่องจากผู้สูงอายุที่เป็นสมาชิกของชมรมผู้สูงอายุมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมของชมรมจึงมีผลในการเพิ่มระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพได้

เอกสารอ้างอิง

กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์. (2562). สถิติ จำนวนผู้สูงอายุแยกตามจังหวัด และ อายุ ปี 2561. เรียกใช้เมื่อ 16 มกราคม 2562 จาก http://www.dop.go.th/th/know/1/159

กระทรวงสาธารณสุข. (2560). สถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. 2559. กรุงเทพมหานคร: มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.).

กระทรวงสาธารณสุข. (2561). สถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. 2560. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์เดือนตุลา จำกัด.

จริยา พิชัยคำ. (2559). ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรมพัฒนาได้ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐาน. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์, 11(1), 1-12.

วิมลรัตน์ บุญเสถียร และอรทัย เหรียญทิพยะสกุล. (2563). ความรอบรู้ด้านสุขภาพ: สถานการณ์และผลกระทบต่อสภาวะสุขภาพของผู้สูงอายุ. วารสารการพยาบาลและสุขภาพ สสอท, 2(1), 1-19.

สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล. (2563). สุขภาพคนไทย 2563: สองทศวรรษ ปฏิรูปการศึกษา ความล้มเหลวและความสำเร็จ. กรุงเทพมหานคร: บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์พับลิชซิ่ง จำกัด (มหาชน).

สำนักข่าว Hfocus เจาะลึกระบบสุขภาพ. (2563). ชี้ไทยอีก10ปี'สังคมคนแก่'1:14สุขภาพแย่-ไร้คนดูแล. เรียกใช้เมื่อ 4 ธันวาคม 2563 จาก https://www.hfocus.org/content/2014/03/6731

สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี. (2560). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 พ.ศ. 2560. กรุงเทพมหานคร: สำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสำนักนายกรัฐมนตรี.

อัสณีย์ มะนอ และคณะ. (2561). ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการสร้างเสริมสุขภาพของตำรวจที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้. วารสารศึกษาศาสตร์, 29(2) 123-132.

Nutbeam, D. (2000). Health Literacy as a public health goal: a challenge forcontemporary health education and communication strategies intohealth 21st century. Health Promotion International, 15(3) 259-267.

Yamane, T. (1973). Statistics an introductory analysis (3rd ed.). New York: Harper and Row.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

09/11/2021

รูปแบบการอ้างอิง

จิตรมานะศักดิ์ ณ. ., จิรวงศ์นุสรณ์ โ. ., ฤทธิสาร ส. ., & ภูยาดาว . พ. . (2021). การพัฒนาแบบวัดความรอบรู้ด้านสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุเพื่อรองรับไทยแลนด์ 4.0. วารสารมานุษยวิทยาเชิงพุทธ, 6(9), 381–395. สืบค้น จาก https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JSBA/article/view/251104

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย