การพัฒนาแบบประเมินพฤติกรรมจิตประจักษ์หลักฐานของนักศึกษาพยาบาล
คำสำคัญ:
แบบประเมินพฤติกรรม, จิตประจักษ์หลักฐาน, นักศึกษาพยาบาลบทคัดย่อ
บทความวิจัยมีนี้วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาองค์ประกอบและพัฒนาแบบประเมินพฤติกรรมจิตประจักษ์หลักฐานของนักศึกษาพยาบาล เป็นการวิจัยแบบผสมผสานได้แก่การวิจัยเชิงคุณภาพศึกษาองค์ประกอบจิตประจักษ์หลักฐาน ผู้ให้ข้อมูลหลักคือพยาบาลวิชาชีพได้รับรางวัลพยาบาลดีเด่นและมีประสบการณ์การปฏิบัติพยาบาลโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ จำนวน 8 คน เก็บข้อมูลโดยใช้การสัมภาษณ์เชิงลึกจากแบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา การวิจัยเชิงปริมาณพัฒนาแบบประเมินพฤติกรรมจิตประจักษ์หลักฐาน กลุ่มตัวอย่างคือนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 4 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒจำนวน 35 คน เก็บข้อมูลโดยกลุ่มตัวอย่างทำแบบประเมินพฤติกรรม วิเคราะห์ข้อมูลการประเมินคุณภาพแบบประเมิน ผลการศึกษาพบว่าองค์ประกอบจิตประจักษ์หลักฐานมี 3 องค์ประกอบคือ องค์ประกอบที่ 1 ความตั้งใจ ประกอบด้วย ความเชื่อ การเห็นคุณค่าในตนเอง และความต้องการ องค์ประกอบที่ 2 วิจารณญาณในการสืบเสาะหลักฐาน ประกอบด้วย ความสงสัยใคร่รู้ ความกล้าคิดกล้าทำ และการคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล และองค์ประกอบที่ 3 ความสามารถใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ ประกอบด้วย การระบุปัญหาการค้นหาหลักฐานเชิงประจักษ์ การตรวจสอบหลักฐานเชิงประจักษ์ และการประยุกต์ใช้และประเมินผลการใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ แบบประเมินพฤติกรรมจิตประจักษ์หลักฐานมีลักษณะเป็นแบบประเมินพฤติกรรมการปฏิบัติงาน 5 ระดับ ได้แก่ ระดับการรับรู้ ระดับความเข้าใจ ระดับการตอบสนอง ระดับการผสานจิต และระดับลักษณะนิสัย ผลการประเมินคุณภาพขององค์ประกอบและแบบประเมิน พบว่าองค์ประกอบและแบบประเมินมีค่าความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาอยู่ระหว่าง 0.56 - 1.00 วิเคราะห์ค่าความเชื่อมั่นระหว่างผู้ประเมินมีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.01) โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน (r) = .892 และค่าความเชื่อมั่นสัมประสิทธิ์แอลฟาครอนบาค = .91
เอกสารอ้างอิง
ธีรารักษ์ นำภานนท์ และคณะ. (2558). ปัจจัยที่สัมพันธ์กับการปฏิบัติตามหลักฐานเชิงประจักษ์ของพยาบาลกุมารเวชศาสตร์ในเขตภาคเหนือ. พยาบาลสาร 42(ฉบับพิเศษ), 49-60.
นุสรา ประเสริฐศรี และคณะ. (2559). ผลของโปรแกรมการสอนตามแนวคิดการใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ ต่อสมรรถนะการพยาบาลตามหลักฐานเชิงประจักษ์ในนักศึกษาพยาบาล. วารสารการพยาบาล การสาธารณสุขและการศึกษา, 17(3), 145-155.
ผู้ให้สัมภาษณ์ A. (28 พฤษภาคม 2562). องค์ประกอบและการเสริมสร้างจิตประจักษ์หลักฐานของนักศึกษาพยาบาล. (วิภาวรรณ นำศรีเจริญกุล, ผู้สัมภาษณ์)
ผู้ให้สัมภาษณ์ B. (30 พฤษภาคม 2562). องค์ประกอบและการเสริมสร้างจิตประจักษ์หลักฐานของนักศึกษาพยาบาล. (วิภาวรรณ นำศรีเจริญกุล, ผู้สัมภาษณ์)
ผู้ให้สัมภาษณ์ C. (23 พฤษภาคม 2562). องค์ประกอบและการเสริมสร้างจิตประจักษ์หลักฐานของนักศึกษาพยาบาล. (วิภาวรรณ นำศรีเจริญกุล, ผู้สัมภาษณ์)
ผู้ให้สัมภาษณ์ D. (12 มิถุนายน 2562). องค์ประกอบและการเสริมสร้างจิตประจักษ์หลักฐานของนักศึกษาพยาบาล. (วิภาวรรณ นำศรีเจริญกุล, ผู้สัมภาษณ์)
ผู้ให้สัมภาษณ์ E. (5 มิถุนายน 2562). องค์ประกอบและการเสริมสร้างจิตประจักษ์หลักฐานของนักศึกษาพยาบาล. (วิภาวรรณ นำศรีเจริญกุล, ผู้สัมภาษณ์)
ผู้ให้สัมภาษณ์ F. (6 มิถุนายน 2562). องค์ประกอบและการเสริมสร้างจิตประจักษ์หลักฐานของนักศึกษาพยาบาล. (วิภาวรรณ นำศรีเจริญกุล, ผู้สัมภาษณ์)
ผู้ให้สัมภาษณ์ G. (7 มิถนายน 2562). องค์ประกอบและการเสริมสร้างจิตประจักษ์หลักฐานของนักศึกษาพยาบาล. (วิภาวรรณ นำศรีเจริญกุล, ผู้สัมภาษณ์)
ผู้ให้สัมภาษณ์ H. (31 พฤษภาคม 2562). องค์ประกอบและการเสริมสร้างจิตประจักษ์หลักฐานของนักศึกษาพยาบาล. (วิภาวรรณ นำศรีเจริญกุล, ผู้สัมภาษณ์)
มัฏฐวรรณ ลี้ยุทธานนท์ และคณะ. (2561). ทฤษฎีพฤติกรรมตามแผนกับความตั้งใจออกกำลังกายด้วยการเดินในผู้ป่วยภายหลังเกิดโรคหลอดเลือดสมอง. วารสารพยาบาลทหารบก, 19(1), 47-55.
ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ. (2547). การวัดด้านจิตพิสัย. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์สุวีริยาสารส์น.
ลัดดาวัลย์ พุทธรักษาและคณะ. (2559). ปัจจัยสู่ความสำเร็จในการใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ทางการพยาบาลของพยาบาลวิชาชีพ. วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, 24(3), 94-103.
วรรณเพ็ญ อินทร์แก้ว และสมจินดา ชมพูนุท. (2558). ประสิทธิผลของการเรียนการสอนโดยการใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ต่อการใฝ่รู้และความสามารถในการปฏิบัติการพยาบาลของนักศึกษาพยาบาล. วารสารพยาบาลตำรวจ, 7(2), 201-214.
วิโรจ นาคชาตรี. (2553). ปรัชญาจิต : Philosophy of mind (PY 236). กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
วิลาวัณย์ พิเชียรเสถียร. (2555). Using Evidence to Improving Nursing Outcome. เรียกใช้เมื่อ 22 สิงหาคม 2560 จาก http://www.med.cmu.ac.th/hospital/nis/nurse_day/file/2012_10_17/evidence.pdf
สภาการพยาบาล. (2553). สมรรถนะผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์. กรุงเทพมหานคร: ศิริยอดการพิมพ์.
สมจิตรา เรืองศรี. (2554). การสร้างแบบวัดจิตพิสัย = Affctive test construction : MR 413. กรุงเทพมหานคร: ภาควิชาการประเมินและการวิจัย มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
อรนันท์ หาญยุทธ. (2557). กระบวนการพยาบาลและการนำไปใช้. วารสารพยาบาลทหารบก, 15(3), 137-143.
อาภรณ์ ภู่วิทยพันธุ์. (2559). การพัฒนา Core Competency บนแนวคิด 70:20:10. กรุงเทพมหานคร: เอช อาร์ เซ็นเตอร์.
อินทิรา ไชยณรงค์. (2561). ทฤษฎีพฤติกรรมตามแผนกับความตั้งใจออกกำลังกายด้วยการเดินในผู้ป่วยภายหลังเกิดโรคหลอดเลือดสมอง. วารสารพยาบาลทหารบก, 19(1), 47-55.
Aglen, B. (2016). Pedagogicalstrategies to teach bachelor students evidence - based practice: A systematic review. Nurse Education Today, 36(1), 255-263.
Ajzen, I. (1991). The theory of planned behavior. Organizational behavior and human decision processes, 50(2), 179-211.
Cochran-Smith, M. et al. (2009). “Re - culturing” teacher education: Inquiry, evidence, and action. Journal of Teacher Education, 60(5), 458-468.
Endsley, M. R. (1995). Toward a Theory of Situation Awareness in Dynamic Systems. HUMAN FACTORS, 37(1), 32-64.
Eriksson, K. (2010). Evidence: To See or Not to See. Nursing Science Quarterly, 23(4), 275-279.
Hagger, M. S. et al. (2012). An intervention to reduce alcohol consumption in undergraduatestudents using implementation intentions and mental simulations: A cross - national study. International journal of behavioral medicine, 19(1), 82-96.
Kashima, Y. et al. (1998). The category of the mind: Folk psychology of belief, desire, and intention. Asian Journal of Social Psychology, 1(3), 289-313.
Mackey, A. & Bassendowski, S. (2017). The history of evidence - based practice in nursing education and practice. Journal of Professional Nursing, 33(1), 51-55.
Marshall, C. & Rossman, G. B. (2016). Designing Qualitative research (6th ed.). Los Angeles: California: SAGE.
Maslin, K. T. (2011). An Introduction to the Philosophy of Mind (2nd ed). Great Britain: MPG Books Group.
Melnyk, B. M. et al. (2014). The establishment of evidence - based practice competencies for practicing registered nurses and advanced practice nurses in real - world clinical settings: proficiencies to improve healthcare quality, reliability, patient outcomes, and costs. Worldviews on Evidence - Based Nursing, 11(1), 5-15.
Mousavizadeh, S. N. & Mohtashami, J. (2018). Correlation between professional autonomy and evidence - based practice in nurses. MEDICAL SCIENCE, 22(94), 514-517.
Patelarou, A., E. et al. (2020). Educational Interventions for Teaching Evidence - Based Practice to Undergraduate Nursing Students: A Scoping Review. International Journal of Environmental Research and Public Health, 17(6351), 1-25.
Profetto-McGrath, J. (2005). Critical thinking and evidence - based practice. Journal of Professional Nursing, 21(6), 364-371.
Quesque, F. & Rossetti, Y. (2020). What do theory - of - mind tasks actually measure? Theory and practice. Perspectives on Psychological Science, 15(2), 384-396.
Schaffer, M. A. et al. (2013). Evidence - based practice models for organizational change: overview and practical applications. Journal of advanced nursing, 69(5), 1197-1209.
Sin, M. K. & Bliquez, R. (2017). Teaching evidence based practice to undergraduate nursing students. Journal of Professional Nursing, 33(6), 447-451.
WALL, S. (2008). A Critique of Evidence - Based Practice in Nursing: Challenging the Assumptions. Social Theory & Health, 6(1), 37-53.




