รูปแบบเวสปราสำหรับการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา
คำสำคัญ:
รูปแบบเวสปรา, แผนการจัดการเรียนรู้, การจัดการเรียนรู้แบบฐานสมรรถนะบทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างรูปแบบเวสปรา (WESPRA Model) สำหรับการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา 2) ศึกษาการนำไปใช้รูปแบบเวสปรา (WESPRA Model) สำหรับการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา และ 3) ประเมินรูปแบบเวสปรา (WESPRA Model) สำหรับการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา โดยกลุ่มตัวอย่าง เลือกแบบเจาะจงจำนวน 12 คน เป็นครูผู้สอนโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ โรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์ ลพบุรี และโรงเรียนเซนต์ราฟาแอล เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบประเมินคุณภาพคู่มือการใช้รูปแบบเวสปรา แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อคู่มือการใช้รูปแบบเวสปรา แบบประเมินคุณภาพของแผนการจัดการเรียนรู้กิจกรรมสะเต็มศึกษา และการประเมินเพื่อรับรองรูปแบบเวสปราโดยการประชุมสนทนากลุ่ม เครื่องมือทุกฉบับได้ผ่านการตรวจหาค่าความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับวัตถุประสงค์ (IOC) และนำเครื่องมือดังกล่าวไปใช้ในการเก็บข้อมูล ผลการวิจัย พบว่า 1) คู่มือการใช้รูปแบบเวสปรา มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด 2) กลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจต่อรูปแบบเวสปรา ในระดับมากที่สุด และแผนการจัดการเรียนรู้สะเต็มศึกษาโดยใช้รูปแบบเวสปราสำหรับการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา มีคุณภาพ ในระดับมากที่สุด เพราะเป็นแผนที่บูรณาการแบบสหวิชาผ่านการลงมือปฏิบัติจริง เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ส่งผลให้ผู้เรียนนั้นสามารถสร้างนวัตกรรม และสรุปองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง อีกทั้งสามารถนำความรู้ ประสบการณ์จากในห้องเรียนเชื่อมโยงสู่การดำเนินชีวิตจริงได้อย่าง เชิงประจักษ์ และ 3) การประเมินรูปแบบเวสปรา สำหรับการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา มีความเหมาะสม มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับเหมาะให้สอดคล้องกับความแตกต่างทางบริบทของสถานศึกษา สอดรับการพัฒนาสมรรถนะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2558). เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อจังหวัด ชุมชนและท้องถิ่น. กรุงเทพมหานคร: พิมพ์ลักษณ์.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 - 2579. กรุงเทพมหานคร: พริกหวานกราฟฟิค.
จำรัส อินทลาภาพร และคณะ. (2558). การศึกษาแนวทางการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษาสำหรับผู้เรียนระดับประถมศึกษา. วารสารวิชาการเวอริเดียน อี-เจอร์นัล, มหาวิทยาลัยศิลปากร
ฉบับภาษาไทย มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ, 8(1), 62-74.
ชนาธิป พรกุล. (2552). การสอน กระบวนการคิด ทฤษฎี และการนำไปใช้. กรุงเทพมหานคร: บริษัท วี. พริ้นท์ (1991) จำกัด.
มัชฌิมา เนติโกวิท. (2560). แนวทางการดำเนินงานการจัดการศึกษาแบบสะเต็มศึกษาของโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยนาท. ใน การประชุมวิชาการและเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ ราชนครินทร์วิจัย ครั้งที่ 9. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.). (2555). ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพมหานคร: 3 - คิว มีเดีย.
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานนายกรัฐมนตรี. (2560). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (2560 - 2564). กรุงเทพมหานคร: สำนักนายกรัฐมนตรี.
อมวรรณ หล้าบุณคำ และคณะ. (2561). การพัฒนารูปแบบการประเมินคุณภาพการศึกษาภายในสำหรับคณะวิทยาศาสตร์ป่าไม้ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว. มหาสารคาม: ภาควิชาวิจัยและพัฒนาการศึกษา.
Capraro, R. M. et al. (2015). Increasing the STEM pipeline: Impact of multi – faceted organization. Qatar: Hamad bin Khalifa University Press.
Dhanapal, S. (2017). Student/Perception of the Supervisory Case Study at a Private Journal of Educational Management Malaysia. Scholarly Research Journal for Interdisciplinaly Studies, 3(4), 31-49.
Edward de Bono. (2008). Six frames for thinking about information. London: Random House Group company.
Joint committee on Standards for Educational Evaluation. (1980). Standards for Educational Evaluation. Chicago: Rand McNally.
Matthew McManus. (2020). The Rise of Post – Modern Conservatism. England: Palgrace Macmillan.
Quang, L. X. et al. (2019). Integrated Science, Technology, Engineering and Mathematics (STEM) Education through Active Experience of Designing Technical Toys in Vietnamese Schools. British Journal of Education, Society & Behavioural Science, 11(2), 1-12.
Roy, S. (2018). Evaluating a Research Report using Edward De Bono’s six Frames of Thinking about Information. Retrieved May 4, 2017, from http://www. srjis.com/pages/pdfFiles/1469525675
Wagner, T. (2014). The Global Achievement Gap: Why Even Our Best Schools Don’t Teach the New Survival Skills Our Children Need_and What We Can Do About it. New York: Basic Books.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 วารสารสังคมศาสตร์และมานุษยวิทยาเชิงพุทธ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.




