การพัฒนาการโค้ชเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะครูในการจัดการเรียนรู้ ผ่านประสบการณ์เพื่อพัฒนาการคิดวิเคราะห์สำหรับนักเรียน

ผู้แต่ง

  • วิสุทธิศักดิ์ หวานพร้อม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช
  • เกวลี วัชราทักษิณ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์

คำสำคัญ:

การโค้ช, การคิดวิเคราะห์, การจัดการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์, สมรรถนะครู, นักเรียน

บทคัดย่อ

                บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาการโค้ชเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะครูใน การจัดการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์เพื่อพัฒนาการคิดวิเคราะห์สำหรับนักเรียน และ 2) ศึกษาผลของการโค้ชต่อการเสริมสร้างสมรรถนะครูในการจัดการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์เพื่อพัฒนาการคิดวิเคราะห์สำหรับนักเรียน โดยใช้วิธีวิจัยเชิงปฏิบัติการ กลุ่มเป้าหมายเลือกแบบเจาะจง คือ โรงเรียนบ้านทุ่งเกราะ อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช ประกอบด้วย 1) ทีมโค้ชภายใน คือ ผู้บริหาร 3 คน ตัวแทนครูอาสาทำหน้าที่โค้ช 5 คน 2) ทีมโค้ชภายนอก คือ ศึกษานิเทศก์ 3 คน เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 1 คน อาจารย์จากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ 2 คน 3) ทีมครูผู้จัดการเรียนรู้ 15 คน และ 4) ตัวแทนนักเรียน 45 คน รวม 74 คน ดำเนินการ 3 ระยะผ่านกิจกรรม 4 ขั้นตอน ดังนี้ 1) ระยะเริ่มต้นการวิจัย: ขั้นการวางแผน 2) ระยะดำเนินการวิจัย: ขั้นการปฏิบัติ และ 3) ระยะสิ้นสุดการวิจัย: ขั้นการสังเกต และการสะท้อนกลับ รวบรวมข้อมูลด้วยการสนทนากลุ่ม การสัมภาษณ์ และการสังเกต วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัย พบว่า การโค้ชที่มีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน 1) การทำความเข้าใจ วางแผน กำหนดบทบาทหน้าที่ในกระบวนการโค้ชร่วมกันระหว่างผู้โค้ชและผู้รับการโค้ช คือ ผู้บริหาร ครู และผู้เกี่ยวข้อง 2) การพัฒนาสมรรถนะผู้โค้ช การลงมือปฏิบัติการโค้ชอย่างเป็นกัลยาณมิตร การติดตามโค้ชอย่างต่อเนื่องทั้งจากทีมโค้ชภายในและโค้ชภายนอกโรงเรียน 3) การสังเกตกระบวนการโค้ช และ 4) การสะท้อนระหว่างและภายหลังสิ้นสุดการดำเนินงาน ผลการโค้ช พบว่า ครูรับรู้สมรรถนะด้านการจัดการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ของตนเองเพิ่มขึ้น และสามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงสมรรถนะด้านการคิดวิเคราะห์ที่เกิดขึ้นกับนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เอกสารอ้างอิง

กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข. (2559). องค์ความรู้การดำเนินงานดูแลสุขภาพวัยรุ่นแบบบูรณาการสำหรับทีมนักจัดการสุขภาพวัยรุ่น (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพมหานคร: บียอนพับลิสซิ่งจำกัด.

ประภัสสร จันดี. (2563). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อภาวะซึมเศร้าของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา. ใน วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลสุขภาพจิตและจิตเวช . มหาวิทยาลัยบูรพา.

วินัย รอบคอบ และคณะ. (2561). ภาวะซึมเศร้า พฤติกรรมการดื่มสุรา และความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายของวัยรุ่น. พยาบาลสาร, 45(4), 144-158.

สถาบันราชานุกูล กระทรวงสาธารณสุข. (2559). คู่มือการดูแลเด็กวัยเรียนที่มีปัญหาพฤติกรรม-อารมณ์สำหรับบุคลากรสาธารณสุข (ฉบับทดลองใช้). (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพมหานคร: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.

สมพร ชูทอง และคณะ. (2559). การพัฒนากลยุทธ์การจัดการศึกษาเพื่อป้องกันปัญหาทะเลาะวิวาทของนักเรียนอาชีวศึกษาจังหวัดสมุทรปราการ. วารสารวิจัยและพัฒนา วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์, 11(3), 267-280.

Acharya, D. et al. (2017). Evaluating school-based sexual health education programme in Nepal: An outcome from a randomized controlled trial. International. Journal of Educational Research, 82(2017), 147-158.

Jowett, S. (2017). Coaching effectiveness: the coach–athlete relationship at its heart. Current Opinion in Psychology, 16(2017), 154-158.

Kemmis, S. & McTaggart, R. (1988). The Action Research Planner (3 rd ed.). Victoria: Deakin University.

Kennedy, M. D. (2009). Gangs and public policy: Constructing and deconstructing gang databases. Criminology & Public Policy, 8(2009), 711-716.

Kohler, P. et al. (2008). Abstinence-Only and Comprehensive Sex Education and the Initiation of Sexual Activity and Teen Pregnancy. Journal of Adolescent Health, 42(4), 344-351.

Kolb, Y. A. & Kolb, A. D. (2005). Learning Styles and Learning Spaces: Enhancing Experiential Learning in Higher Education. Academy of Management Learning & Education, 4(2),193-212.

Kunlasomboon, N. et al. (2015). Research and development of classroom action research process to enhance school learning. Procedia-Social and Behavioral Sciences, 171(2015), 1315-1324.

Kyriakides, L. et al. (2015). The impact of school policy and stakeholders’ action on student learning: A longitudinal study. Learning and Instruction, 36(2015), 113-124.

Lerner, R. M. (2005). Promoting positive youth development: Theoretical and empirical bases. Washington, D.C: National Academy of Sciences.

Lindberg, L. D. et al. (2016). Changes in adolescents’ receipt of sex education, 2006-2013. Journal of Adolescent Health, 58(6), 1-7.

Mathew, A. et al. (2020). Genetics of adolescent suicide: A literature review. Journal of Indian Association of Child and Adolescent Mental Health, 17(2), 135-161.

Sales, A. et al. (2011). Action research as a school-based strategy in intercultural professional development for teachers. Teaching and Teacher Education, 27(5), 911-919.

Stalker, K. C. et al. (2018). The impact of the positive action program on substance use, aggression, and psychological functioning: Is school climate a mechanism of change?. Children and Youth Services Review, 84(2018), 143-151.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

12/29/2021

รูปแบบการอ้างอิง

หวานพร้อม ว. ., & วัชราทักษิณ เ. . (2021). การพัฒนาการโค้ชเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะครูในการจัดการเรียนรู้ ผ่านประสบการณ์เพื่อพัฒนาการคิดวิเคราะห์สำหรับนักเรียน. วารสารมานุษยวิทยาเชิงพุทธ, 6(12), 669–684. สืบค้น จาก https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JSBA/article/view/253626

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย