การศึกษาองค์ประกอบและตัวชี้วัดสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ ความต้องการจำเป็นของการพัฒนารูปแบบการนิเทศเพื่อสร้างชุมชน แห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพครู โรงเรียนในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
คำสำคัญ:
การนิเทศ, ชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพครู, โรงเรียนบทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาองค์ประกอบและตัวชี้วัดการนิเทศเพื่อสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพครู โรงเรียนในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2) ศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ของการนิเทศเพื่อสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพครู และ 3) ศึกษาความต้องการจำเป็นการนิเทศเพื่อสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพครู การศึกษาวิจัยในครั้งนี้ใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบการวิจัยและพัฒนา กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา และครู จำนวน 760 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างด้วยตาราง Krejcie & Morgan และทำการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบประเมินความเหมาะสมขององค์ประกอบและตัวชี้วัด (IOC = 0.80 - 1.00) แบบสอบถามสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์การนิเทศเพื่อสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพครู วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าความต้องการจำเป็น ผลการวิจัยพบว่า 1) องค์ประกอบและตัวชี้วัดการนิเทศเพื่อสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ เชิงวิชาชีพครู โรงเรียนในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ ได้แก่ การสร้างความสัมพันธ์ การวางแผน การปฏิบัติ และ การประเมินสู่การพัฒนา มี 24 ตัวชี้วัด 2) สภาพปัจจุบันการนิเทศเพื่อสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพครู โรงเรียนในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยรวมอยู่ในระดับมาก และสภาพที่พึงประสงค์ของการนิเทศเพื่อสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพครูโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด 3) ความต้องการจำเป็น พบว่า องค์ประกอบการนิเทศเพื่อสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพครูที่มีความต้องการจำเป็นมากที่สุดลำดับที่ 1 ได้แก่ การสร้างความสัมพันธ์ ลำดับที่ 2 ได้แก่ การประเมินสู่การพัฒนา ลำดับที่ 3 ประกอบด้วย 2 องค์ประกอบ ได้แก่ การวางแผน และการปฏิบัติ
เอกสารอ้างอิง
ชวลิต ชูกำแพง. (2560). ชุมชนแห่งการเรียนรู้ของครู. วารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 23(2), 1-6.
นิพพิชน์ เสนารถ. (2563). การพัฒนารูปแบบการนิเทศแบบมีส่วนร่วมเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาขนาดเล็กในเขตพัฒนาพิเศษชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. ใน ดุษฎีนิพนธ์ปริญญาการศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการนิเทศการศึกษา. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
บุญสุ่ม อินกองงาม. (2561). การพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในด้านการวิจัยการเรียนการสอนของครูผู้สอนสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาในเครือข่ายการนิเทศกลุ่มจังหวัด เครือข่ายที่ 15. วารสารวิทยาลัยนครราชสีมา, 12(1), 12-23.
ปรณัฐ กิจรุ่งเรือง. (2561). กลยุทธ์การยกระดับคุณภาพการศึกษาโดยการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพครู. วารสาร Veridian E-Journal, 11(3), 3564-3579.
เรวณี ชัยเชาวรัตน์. (2559). ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ. อุดรธานี: คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี.
วราพร เอราวรรณ์. (2563). การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการเข้าร่วมชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพกับการรับรู้ความสามารถด้านการสอน และจรรยาบรรณความเป็นครูของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู. วารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 26(1), 214-224.
วิภาพรรณ พินลา และวิภาดา พินลา. (2561). การจัดการเรียนรู้สังคมศึกษาในยุคศตวรรษที่ 21. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
วิสากุล กองทองนอก และ พิสมัย รบชนะชัย พูลสุข. (2563). รูปแบบการพัฒนาชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในเขตจังหวัดกำแพงเพชร. วารสารสังคมศาสตร์และมานุษยวิทยาเชิงพุทธ, 5(1), 284-298.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2554). ข้อเสนอการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง. กรุงเทพมหานคร: พริกหวานกราฟฟิค.
Clark, R. E. (2013). Research-Tested Team Motivation Strategies. Performance Improvement, 44(1), 13-16.
Krejcie, R. V. & Morgan, D. W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607- 610.
Office of the Education Council. (2017). National Education Plan 2017-2036. Bangkok: Prigwan Grafig.




