การพัฒนารูปแบบการเสริมสร้างความรอบรู้สุขภาพ เพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อนในผู้ป่วยเบาหวานอ้วนลงพุง โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน
คำสำคัญ:
รูปแบบการเสริมสร้างความรอบรู้สุขภาพ, ผู้ป่วยเบาหวานอ้วนลงพุงบทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัญหา และความต้องการการเสริมสร้างความรอบรู้สุขภาพ 2) พัฒนารูปแบบการเสริมสร้างความรอบรู้สุขภาพ เพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อนในผู้ป่วยเบาหวานที่อ้วนลงพุง โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน 3) ประเมินผลรูปแบบการเสริมสร้างความรอบรู้สุขภาพ การวิจัยนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ระยะที่ 1 สำรวจความรอบรู้สุขภาพ และการรับรู้พฤติกรรมการดูแลตนเอง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย ผู้ป่วยเบาหวานอ้วนลงพุง จำนวน 351 คน และกลุ่มภาคีเครือข่ายสุขภาพ จำนวน 12 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบสอบถาม 2) แบบสัมภาษณ์เชิงลึก การวิเคราะห์ข้อมูล คือ 1) ข้อมูลเชิงคุณภาพ ใช้วิธีการวิเคราะห์ เชิงเนื้อหา 2) ข้อมูลเชิงปริมาณ ใช้สถิติเชิงบรรยาย ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ระยะที่ 2 พัฒนารูปแบบฯ โดยกลุ่มภาคีเครือข่ายสุขภาพ ใช้กระบวน A-I-C ทดลองใช้รูปแบบฯ กับผู้ป่วยเบาหวานที่อ้วนลงพุง 30 คน วิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณนา เปรียบเทียบตัวแปรต่าง ๆ ก่อนหลังการทดลองใช้ ระยะที่ 3 ประเมินผลรูปแบบฯ ผลจากการวิจัย พบว่า ผู้ป่วยเบาหวานอ้วนลงพุงมีทักษะความรอบรู้สุขภาพ 6 ทักษะ และระดับทักษะ อยู่ในระดับ ไม่ดี รวมทั้งพฤติกรรมสุขภาพ 3อ2ส. อยู่ในระดับ ต่ำ ทดลองใช้ 12 สัปดาห์ พบว่า ค่าเฉลี่ยทักษะความรอบรู้สุขภาพ สูงกว่าก่อนการทดลองใช้แผนกิจกรรมฯอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ <.05 ( = 28.47,
= 31.80) และติดตามผลต่อเนื่องอีก 6 สัปดาห์ พบว่า ความแปรปรวนของรูปแบบฯกับสถานะสุขภาพ ทั้ง 3 กลุ่ม และทักษะความรอบรู้สุขภาพ ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ .05 และไม่พบโรคแทรกซ้อน
เอกสารอ้างอิง
กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. (2561). การเสริมสร้างและประเมิน ความรอบรู้ด้านสุขภาพ และพฤติกรรมสุขภาพ ฉบับปรับปรุง ปี 2561. กรุงเทพมหานคร: กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข.
ดวงหทัย แสงสว่าง และคณะ. (2561). ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการลดระดับน้ำตาลในเลือดของกลุ่มตัวอย่างโรคโรคเบาหวาน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบางปูใหม่ จังหวัดสมุทรปราการ. วารสารวไลยอลงกรณ์ปริทัศน์, 8(1), 103-117.
ดิเรก อาสานอก. (2560). ผลของโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านที่มีภาวะอ้วนลงพุง. ใน วิทยานิพนธ์สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต สาขาศาธารณสุขศาตร์. มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา.
ประภาเพ็ญ สุวรรณ. (2562). การพัฒนาหน่วยงานหรือองค์กรให้เป็นองค์กรแห่งความรอบรู้ด้านสุขภาพ. วารสารสุขศึกษาและสื่อสารสุขภาพ, 1(1), 12-26.
พิทยา ไพบูลย์ศิริ. (2561). ความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ 3อ 2ส ของผู้บริหารภาครัฐ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. วารสารสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย, 8(1), 97-107.
ภัทราพร ชูศร. (2562). ความชุกและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับภาวะอ้วนลงพุงในวัยทำงาน (15-59 ปี) อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี. ใน วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาเวชปฏิบัติชุมชน. มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
ศิริชัย กาญจนวาสี. (2559). การเลือกใช้สถิติที่เหมาะสมสำหรับการวิจัย. (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์, สมาคมโรคต่อมไร้ท่อแห่งประเทศไทย และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ. (2560). แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน.พ.ศ.2560. กรุงเทพมหานคร: บริษัทรุ่งอรุณมีเดียจำกัด.
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ. (2560). คู่มือบริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เล่มที่ 4 การบริหารงบบริการควบคุม ป้องกันและรักษาโรคเรื้อรัง. กรุงเทพมหานคร: แสงจันทร์การพิมพ์.
อภิญญา บ้านกลาง และคณะ. (2559). ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรม สุขภาพของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ในเขตรับผิดชอบโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลศิลา อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น. วารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น, 23(1), 85-95.
Chawla, A. et al. (2016). Microvasular and macrovascular complications in diabetes mellitus: Distinct or continuum? Indian Journal of Endocrinology and Metabolism, 20(4), 546-553.
Daniel, W.W. (2010). Biostatistics: afoundotion for analysis in the health sciences. (9thed.) New Jersey: Lohn Wily&Sons.
Engin, A. (2017). The definition and prevalence of obesity and metabolic syndrome.
Health Education Division, Ministry of Public Health. (2018). Literacy (promoting and evaluation) and health literacy behavior. Retrieved June 25, 2020, from https://www.scribd.com/document/406967113/2201201809140 85828-linkhed-pdf.
Karina F, et al. (2016). Health Literacy Mediates the Relationship Between EducationalAttainment and Health Behavior: A Danish Population-Based Study. Journal of Health Communication, 21(2016), 54-60.
Nunnally, J. C. (1978). Psychometric theory. New York: McGraw-Hill.
Protheroe, J, et al. (2016). The Feasibility of Health Trainer Improved Patient Self-Management in Patients with Low Health Literacy and Poorly Controlled Diabetes A Pilot Randomised Controlled Trial . Journal of Diabetes Research, 1(2016), 1-11.
Saelai M, et al. (2018). Effects of program promoting aerobic hula hoop exercise and nutritional education with social support on body mass index, waistline and blood lipid in
persons at risk of metabolic syndrome. journal of phrapokklao nursing college, 29(1), 54-67.
Samruayruen, K. & Kitreerawutiwong, N. (2018). Understanding on assessing health literacy. EAU Heritage Journal Science and Technology, 12(3), 1-13.
World Health Organization. (2016). GLOBAL REPORT ON DIABETES WHO Library Cataloguing-in-Publication Data Global report on diabetes. Retrieved June 25, 2020, from http://www.who.int/about/licensing/copyright_form/index .html
Zainuddin AA. et al. (2016). Prevalence and socio-demographic determinant of overweight and obesity among Malaysian adult. International Journal of Public Health, 6(1), 66-69.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 วารสารสังคมศาสตร์และมานุษยวิทยาเชิงพุทธ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.




