การจัดการความรู้ของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนที่สอดคล้อง ตามแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2560 - 2569 เพื่อเสริมสร้างสุขภาวะความอยู่ดีมีสุข
คำสำคัญ:
การจัดการความรู้, โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน, แผนพัฒนาเด็กและเยาวชน, เสริมสร้างสุขภาวะความอยู่ดีมีสุขบทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษากระบวนการจัดการความรู้ของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ที่สอดคล้องตามแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อเสริมสร้างสุขภาวะความอยู่ดีมีสุข
ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ คือ ครูใหญ่ 8 นาย และครูโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน 24 นาย/คน ได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง ดำเนินการวิจัยด้วยกระบวนการวิจัยเชิงคุณภาพ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วยแบบสำรวจ แบบสัมภาษณ์เจาะลึกรายบุคคล และการสนทนากลุ่ม โดยกรอบการวิจัยครั้งนี้ดำเนินการด้วยการวิเคราะห์และสังเคราะห์กระบวนการจัดการความรู้ ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 การสร้างความรู้ ขั้นตอนที่ 2 การแสวงหาความรู้ ขั้นตอนที่ 3 การแบ่งปันความรู้ และขั้นตอนที่ 4 การถ่ายทอดความรู้ และการใช้ประโยชน์ ผลการวิจัยพบว่า 1) การสร้างความรู้ ดำเนินงานภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID - 2019) ครู และนักเรียนต้องปรับตัว ทำงานด้วยความรู้ ขับเคลื่อน สถานศึกษา ชุมชนด้วยกระบวนการให้ความรู้ มีบรรยากาศของการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ผู้ปกครองไว้วางใจเชื่อมั่นในการจัดการศึกษา 2) การแสวงหาความรู้ ดำเนินกิจกรรมห้องสมุดส่งเสริมให้นักเรียนอ่านหนังสือสารานุกรม หนังสือเรื่องสั้น โครงการฝึกอบรมอาชีพแก่นักเรียน ช่างซ่อมรถจักรยาน ช่างตัดผม 3) การแบ่งปันความรู้ ดำเนินการฝึกอาชีพให้นักเรียนในโรงเรียนมีทักษะพื้นฐานในการประกอบอาชีพ ดำเนินการส่งเสริมสหกรณ์ และสร้างลักษณะนิสัย และ 4) การถ่ายทอดความรู้และการใช้ประโยชน์ จัดกิจกรรมพัฒนาผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้ของนักเรียน พัฒนาครูด้วยการอบรมเสริมความรู้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งทางร่างกายและจิตใจเมื่อมีความรู้ สามารถสร้างอาชีพได้หลากหลายจากพื้นฐานความรู้ ช่วยสร้างให้เป็นชุมชนสงบมีสุข
เอกสารอ้างอิง
ฉวีวรรณ หนูเมือง และสมหมาย ปรีชาศิลป์. (2561). การจัดการความรู้ของสถานศึกษา สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดกระบี่. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต, 14(1); 43-54.
พรธิดา วิเชียรปัญญา. (2547). การจัดการความรู้: พื้นฐานและการประยุกต์ใช้. กรุงเทพมหานคร: เอ็กซเปอร์เน็ท.
ราชกิจจานุเบกษา. (2542). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2542. เล่ม 116 ตอนที่ 74(ก) (19 สิงหาคม 2542).
ศิรินันต์ เพชรแอน และวรกาญจน์ สุขสดเขียว. (2558). การบริหารงานวิชาการกับมาตรฐานด้านผู้เรียนโรงเรียนเอกชน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 2. วารสารบริหารการศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร, 6(1); 57-67.
สำนักงานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. (2560). แผนพัฒนาเด็กและเยาวชน ในถิ่นทุรกันดารตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2560-2569. เรียกใช้เมื่อ 5 ธันวาคม 2550 จาก http://www.psproject.org/?p=2167
สุรัตน์สวดี แซ่แต้และคณะ. (2562). ภาวะอยู่ดีมีสุขของ ประชาชนในตำบลคูเต่า อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา. คณะมนุษยศาสตร์และ สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา. มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
นวัตกรรมสร้างสรรค์ สังคม (หน้า 5-6 สิงหาคม 2562). จังหวัดสงขลา: การประชุมวิชาการด้านมนุษยศาสตร์และ สังคมศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ 2.
Davenport, T.H., & Prusak L. (1998). Working Knowledge: How Organization Manage What They Know. Boston: Harvard Business School Press.
Homsin and Other. (2015). The Result of Developing Secondary School Students’ Public Conscience through Process-Knowledge Management in Thailand. International Education Studies, 8(7); 240 – 249.
Nonaka kujiro and Takeuchi,Hirotaka. (2000). Classic work: Theory of Organizational Knowledge Creation. In Morey,D.,Maybury, M.T. and Thuraisingham, B.M. Knowledge Management: Classic and Contemporary Work. The MIT Press.
Tom Rath, Jim Harter. (2010). Wellbeing: The Five Essential Elements. New York: Gallup Press.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 วารสารสังคมศาสตร์และมานุษยวิทยาเชิงพุทธ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.




