การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันของภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุข

ผู้แต่ง

  • จิรภัค สุวรรณเจริญ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุราษฎร์ธานี
  • มารุต พัฒผล มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
  • ดนุลดา จามจุรี มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

คำสำคัญ:

การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน, ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์, นักศึกษาพยาบาล

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันของภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์สำหรับนักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต สถาบันพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุข และตรวจสอบความกลมกลืนขององค์ประกอบเชิงยืนยันของภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ กับข้อมูลเชิงประจักษ์ เก็บรวบรวมข้อมูลกับนักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต สถาบันพระบรมราชชนก ปีการศึกษา 2563 จากวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี                  4 เครือข่าย ได้แก่ เครือข่ายภาคกลาง, เครือข่ายภาคเหนือ, เครือข่ายภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเครือข่ายภาคใต้ โดยการสุ่มแบบหลายขั้นตอน (Multistage random sampling) จำนวน 340 คน ด้วยแบบสอบถามประเมินระดับความคิดเห็นต่อทักษะภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์             มีลักษณะเป็นมาตรส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จากองค์ประกอบของภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์              3 ด้าน รวมจำนวน 17 ข้อ มีค่าความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา (IOC) จากผู้เชี่ยวชาญ 5 คนอยู่ระหว่าง 0.60 - 1.00 มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.83 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน (CFA) ผลการวิจัยพบว่า องค์ประกอบเชิงยืนยันของภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์มี 3 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) ด้านความยืดหยุ่น 2) ด้านการแก้ปัญหา และ 3) ด้านการสื่อสารเชิงสร้างสรรค์                ซึ่งมีความกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยมีค่าดัชนีความกลมกลืนคือ มีค่า Chi - square ( X2   ) เท่ากับ 112.19, ค่า p - value ของ Chi - square เท่ากับ 0.50 ซึ่งมากกว่า .05, ค่าสถิติไคสแควร์สัมพัทธ์(X2 /df ) เท่ากับ 0.99, ค่าดัชนีวัดระดับความกลมกลืน (GFI) เท่ากับ 0.958, ค่าดัชนีวัดระดับความสอดคล้องกลมกลืนเปรียบเทียบ (CFI) เท่ากับ 1.000, ค่าดัชนีรากกำลังสองเฉลี่ยของเศษเหลือ (SRMR) เท่ากับ 0.096 และค่ารากของค่าเฉลี่ยกำลังสองของความคลาดเคลื่อนโดยประมาณ (RMSEA) เท่ากับ 0.000 โดยแต่ละองค์ประกอบมีค่าน้ำหนักองค์ประกอบ (factor loading) อยู่ระหว่าง 0.23 - 0.57

เอกสารอ้างอิง

กฤษพล อัมระนันท์. (2559). ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษาในอำเภอแม่วงก์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์เขต 2. ใน วิทยานิพนธ์ หลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. มหาวิทยาลัยราชภัฎนครสวรรค์.

กาญจนา จัตุพันธ์ และกาญจนา สานุกูล. (2559). การศึกษาความยืดหยุ่นและทนทานของจิตใจโดยใช้ทักษะการเรียนรู้ตามสภาพจริงของนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง เทคนิคเภสัชกรรม วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธรจังหวัดขอนแก่น. ใน บทความวิจัยนำเสนอในการประชุมหาดใหญ่วิชาการระดับชาติและนานาชาติครั้งที่ 7. มหาวิทยาลัยหาดใหญ่.

กิตติกร ธรรมกิจวัฒน์ และมานิตย์ อาษานอก. (2562). การพัฒนาโปรแกรมเสริมสร้างภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษาเอกชน สังกัดสำ นักงานศึกษาธิการจังหวัดบุรีรัมย์. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 11(2), 1-18.

กิตติ์กาญจน์ ปฏิพันธ์. (2555). โมเดลสมการโครงสร้างภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษา อาชีวศึกษา. ใน ดุษฎีนิพนธ์ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย. มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

จิรภัค สุวรรณเจริญ และคณะ. (2560). รูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่ส่งเสริมทักษะในศตวรรษที่ 21 สำหรับนักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต. วารสารพยาบาลสาร คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 44(4), 177-188.

ทิพย์วรรณ สุขใจรุ่งวัฒนา และคณิต เขียววิชัย. (2558). การพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายในการเสริมสร้างภาวะผู้นําเชิงสร้างสรรค้สําหรับผู้นําองค์กรนิสิต/นักศึกษา

ในสถาบันอุดมศึกษาในทศวรรษหน้า (พ.ศ. 2557 - 2566). วารสารศิลปากรศึกษาศาสตร์วิจัย, 7(2), 191-206.

นงลักษณ์ วิรัชชัย. (2542 ). LISREL Model: การวิเคราะห์ทางสถิติเพื่อการวิจัย (ฉบับที่ 3). กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

นวลฉวี ประเสริฐสุข. (2558). สื่อสารอย่างสร้างสรรค์เพื่อสร้างสุขในครอบครัว. วารสารสาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ มหาวิทยาลัยศิลปากร, 8(2), 737-747.

พิมพ์พร พิมพ์เกาะ. (2557). การพัฒนาโปรแกรมเสริมสร้างภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของ ผู้บริหารโรงเรียนสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น. ใน ดุษฎีนิพนธ์การศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารและพัฒนาการศึกษา. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

ไพฑูรย์ สินลารัตน์. (2553). ผ้นําเชิงสร้างสรรค์และผลิตภาพ :กระบวนทัศน์ใหม่และผู้นำใหม่ทางการศึกษา. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

วรพันธุ์ แย้มหงษ์ปภา และพระสุธีรัตนบัณฑิต. (2552). การสื่อสารทางสังคมเพื่อพัฒนากระบวนการเรียนรู้ขององค์กรทางพระพุทธศาสนา. วารสารมหาจุฬาวิชาการ, 6(ฉบับพิเศษ), 181-200.

ศศิรดา แพงไทย และคณะ. (2562). รูปแบบภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 2. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, 6(7), 3299-3313.

สมชาย รุ่งเรือง และธีระวัฒน์ จันทึก. (2560). รูปแบบการพัฒนาผู้นำสู่การสร้างแรงผลักดันเชิงสร้างสรรค์. วารสารสาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ. มหาวิทยาลัยศิลปากร, 10(1), 29-46.

สมร แสงอรุณ. (2563). การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันความหมายในชีวิตของนักศึกษาครู. วารสารชุมชนวิจัย, 14(2), 16-29.

สุภาพ ฤทธิ์บำรุง และวัลลภา อารีรัตน์. (2557). ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษา ที่ส่งผลต่อความมีประสิทธิผลของโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 30. วารสารศึกษาศาสตร์ ฉบับวิจัยบัณฑิตศึกษา, 8(2), 190-198.

หทัยกานต์ กุลวชิราวรรณ์ และคณะ. (2563). การพัฒนารูปแบบการวิเคราะห์แก้ไขปัญหาในกระบวนการผลิตสำหรับหัวหน้างานของอุตสาหกรรมเสื้อผ้า. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 14(2), 383- 400.

Carolyn Chambers Clark. (2009). Creative Nursing Leadership and Management. In Jones and Bartlett Publishers. Sudbury, Massachusetts.

Costello, A. B. & Osborne, J. W. (2005). Exploratory Factor Analysis: Four recommendations for getting the most from your analysis. Practical Assessment, Research, and Evaluation, 10(7), 1-9.

Puccio. M. et al. (2011). “Creative leadership: Skills that drive change (2nd ed.)”. Thousand Oaks, California: Sage.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

06/30/2022

รูปแบบการอ้างอิง

สุวรรณเจริญ จ. ., พัฒผล ม. ., & จามจุรี ด. . (2022). การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันของภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุข . วารสารมานุษยวิทยาเชิงพุทธ, 7(6), 334–350. สืบค้น จาก https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JSBA/article/view/259156

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย