การวิเคราะห์องค์ประกอบการรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงดิจิทัลของครู ในโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน
คำสำคัญ:
การวิเคราะห์องค์ประกอบ,, การรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงดิจิทัล, ครูยุคดิจิทัลบทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบการรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงดิจิทัลของครู ในโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ผู้วิจัยสกัดตัวแปรการรู้เท่าทัน การเปลี่ยนแปลงดิจิทัลของครู นำตัวแปรที่ได้จากการสังเคราะห์มาสร้างแบบคัดกรองตัวแปรแบบเลือกตอบโดยผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 7 คน ทั้งนี้สามารถผ่านการตรวจสอบคัดกรองมาได้ จำนวน 36 ตัวแปร ผู้วิจัยได้สร้างแบบตรวจสอบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating scale) แบ่งเป็น 2 ตอน คือ ตอนที่ 1 แบบสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปของครูมีลักษณะ แบบตรวจสอบรายการ (Checklist) และตอนที่ 2 แบบสอบถามเกี่ยวกับการรู้เท่าทัน การเปลี่ยนแปลงดิจิทัลของครูในโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการศึกษา ขั้นพื้นฐาน มีลักษณะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating scale) 5 ระดับ ตามแบบ ลิเคิร์ท (Likert rating scale) มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.975 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ครั้งนี้เป็นครูในโรงเรียนมัธยมศึกษา กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้แนวคิดของ Hair et al. อัตราส่วนตัวแปรต่อขนาดกลุ่มตัวอย่าง 1:20 จำนวน 720 คน ด้วยวิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้น (Stratified Random Sampling) วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบการรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงดิจิทัลของครู ตรวจสอบค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรโดยใช้สถิติ Kaiser-Meter-Olkin (KMO) and Bartlett’s test of sphericity ได้ค่า .952 ตรวจสอบความเหมาะสมของเมริกซ์สหสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรมีความสัมพันธ์และมีความเหมาะสม ผลการวิจัยพบว่าองค์ประกอบการรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงดิจิทัลของครูในโรงเรียนมัธยมศึกษา ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) ความปลอดภัยเข้าถึงสื่อดิจิทัล 2) เทคโนโลยีกับการทำงาน 3) ประยุกต์ใช้เทคโนโลยี และ 4) รู้เท่ากัน การเปลี่ยนแปลงกับดิจิทัล
เอกสารอ้างอิง
กัลยา วานิชย์บัญชา. (2551). การวิเคราะห์สถิติขั้นสูงด้วย SPSS for windows. (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพมหานคร: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ฉัตรพงศ์ ชูแสงนิล. (2564). การใช้เทคโนโลยีอย่างรู้เท่าทัน. เรียกใช้เมื่อ 2 ตุลาคม 2564 จาก https://www.scimath.org/article-technology/item/11534-2020-05-01-03-32-41
ฐิติวัสส์ สุขป้อม และคณะ. (2563). ครูกับเทคโนโลยีการสอนในศตวรรษที่ 21. วารสารบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม, 15(2), 1-16.
บัณฑิต เอื้ออาภรณ์. (2562). จี้มหา"ลัยปรับตัวก่อนที่จะล่มสลาย.เดลินิวส์ออนไลน์. สืบค้นเมื่อ. เรียกใช้เมื่อ 30 ตุลาคม 2564 จาก https://www.dailynews.co.th/education /700971
ยุทธ ไกยวรรณ์. (2556). การวิเคราะห์สถิติหลายตัวแปรสำหรับงานวิจัย = Multivaraite statistical analysis for research. กรุงเทพมหานคร: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สมใจ เดชบำรุง. (2561). คุณลักษณะของครูไทยในศตวรรษที่ 21. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร, 16(1), 120-131.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. (2545). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545. กรุงเทพมหานคร: บริษัท พริกหวานกราฟฟิค จำกัด.
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน. (2564). โครงการพัฒนาทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัลของข้าราชการและบุคลากรภาครัฐ. เรียกใช้เมื่อ 2 ตุลาคม 2564 จาก https://www.ocsc.go.th/DLProject/mean-dlp
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2562). แนวปฏิบัติของการสร้างและส่งเสริมการรู้ดิจิทัลสำหรับครู. กรุงเทพมหานคร: บริษัท พริกหวานกราฟฟิค จำกัด.
สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์. (2561). ปี’62 มหา’ลัยต้องปรับตัวแบบหักศอกลดวิชาบังคับเพิ่มวิชาเลือกให้นักศึกษามีอิสระในการเรียนรู้. มติชนออนไลน์. เรียกใช้เมื่อ 2 ตุลาคม 2564 จาก https://www.matichon.co.th/education/news_1294950
สุชาติ ประสิทธิ์รัฐสินธุ์. (2556). การใช้สถิติในการวิจัยอย่างถูกต้องและได้มาตรฐานสากล = Applications ofstatistical methodes in research (พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพมหานคร: สามลดา.
Bower B. L. (2001). Distance education: Facing the faculty challenge. Online Journal of Distance. Learning Administration, 4(2), 1-6.
Candy, P.C. (2022). Lifelong learning and information literacy. White Paper preparedfor UNESCO. Lifelong learning and information literacy. Retrieved October 20, 2021, from https://www.nclis.gov/libinter/ infolitconf & meet/candy-paper.html
Curran, D. (2018). Risk, innovation, and democracy in the digital economy. European Journalof Social Theory, 21(2), 207-226.
Federico, B. et al. (2020). Digital transformation challenges: strategies emerging from a multi-stakeholder approach. The TQM Journal, 32(4), 697-724.
Hair, J. et al. (2010). Multivariate Data Analysis (7th ed.). New Jersey: Pearson Prentice Hall.
Keengwe J. & Kidd T. T. (2010). Towards best practices in online learning and teaching in higher. Education. MERLOT JOnline Learn. Teach, 6(2), 533-541.
Malisuwan, S. (2016). Analysis of roadmaps and trends for mobile communication technologyin Thailand. International Journal of Advanced Research in Engineering and Technology, 7(1), 68-79.
Pahae, S. (2017). The Paradigm of Educational Technology in the Digital Age. Phare, Thailand: Phare Thai Utsahakarnpim.
Rajhans, V. U. et al. (2020). Impact of COVID-19 on academic activities and way forward in IndianOptometry. Journal of Optometry, 13(4), 216-226.
Rapanta, C. et al. (2011). Balancing Technology, Pedagogy and the New Normal: Post-pandemicChallenges for Higher Education. Postdigital Science and Education , 3(2021), 715-
Xie, J. & Rice, M. F. (2021). Instructional designers’ roles in emergency remote teaching during. Distance Education, 42(1), 70-87.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 วารสารสังคมศาสตร์และมานุษยวิทยาเชิงพุทธ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.




