ความต้องการจำเป็นและแนวทางในการพัฒนาชุดกิจกรรมทางกาย เชิงบูรณาการ เพื่อเสริมสร้างการคิดเชิงบริหารของเด็กปฐมวัย ในจังหวัดสุรินทร์
คำสำคัญ:
กิจกรรมทางกายเชิงบูรณาการ, การคิดเชิงบริหาร, เด็กปฐมวัยบทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพและปัญหา ความต้องการจำเป็นและแนวทางในการพัฒนาชุดกิจกรรมทางกายเชิงบูรณาการ เพื่อเสริมสร้างการคิดเชิงบริหาร ของเด็กปฐมวัย ในจังหวัดสุรินทร์ การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงสังเคราะห์ และการวิจัยเชิงสำรวจ เพื่อให้ได้สารสนเทศที่จำเป็นต่อการพัฒนาชุดกิจกรรม รวบรวมข้อมูลจาก 3 ส่วน คือ 1) สภาพและปัญหาการจัดกิจกรรมทางกาย กลุ่มตัวอย่าง คือ ครูผู้สอน 9 คน ผู้บริหาร 9 คน เก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์ นำมาวิเคราะห์เนื้อหาสรุปอุปนัย 2) ศึกษาความต้องการจำเป็น ต่อชุดกิจกรรมทางกายเชิงบูรณาการ กลุ่มตัวอย่างคือครูผู้สอน 330 คน เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถาม นำมาวิเคราะห์ข้อมูลดัชนีความต้องการจำเป็นประยุกต์ 3) แนวทางการพัฒนาชุดกิจกรรมทางกายเชิงบูรณาการ กลุ่มตัวอย่าง คือผู้เชี่ยวชาญ 6 คน เก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์ นำมาวิเคราะห์เนื้อหา สรุปอุปนัย ผลการวิจัย 1) สภาพและปัญหาการจัดกิจกรรมทางกาย พบว่า จัดกิจกรรมทางกายร่วมกับกิจกรรมกลางแจ้ง และกิจกรรมเคลื่อนไหว และจังหวะ กิจกรรมทางกายไม่หลากหลาย และยังขาดกระบวนการเสริมสร้างการคิดเชิงบริหาร 2) ความต้องการจำเป็นต่อชุดกิจกรรมทางกายเชิงบูรณาการ พบว่า ความต้องการจำเป็น มากที่สุดคือ ด้านกระบวนการ มีค่า PNIModified เท่ากับ 0.17 3) แนวทางการพัฒนาชุดกิจกรรมทางกายเชิงบูรณาการ ดังนี้คือ กิจกรรมทางกายแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ระดับ 1 การสอนทักษะการเคลื่อนไหวพื้นฐาน ที่สอดคล้องกับกิจกรรม ระดับ 2 ระดับการปฏิบัติที่ออกแรงเพิ่มขึ้น มีการเคลื่อนไหวประกอบอุปกรณ์ ระดับ 3 เป็นระดับท้าทาย มีอุปสรรค หรือเงื่อนไขเพื่อให้เด็กได้คิดวางแผนแก้ปัญหา ออกแบบกิจกรรมทางกาย ให้มีทั้งการเล่นแบบเดี่ยว และแบบกลุ่ม จัดกิจกรรมทางกายสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 50 - 60 นาที
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 : สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา, สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
กระทรวงสาธารณสุข. (2560). แผนแม่บทการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย พ.ศ. 2561-2573. กองกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพ กรมอนามัย. เรียกใช้เมื่อ 9 พฤศจิกายน 2564 จาก https://dopah.anamai.moph.go.th/th/activity-plan/download/?did= 185662&id=16955&reload=
จิระพร ชะโน. (2562). การคิดเชิงบริหารกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย. วารสารศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 13(1), 7-17.
ธิติ ญานปรีชาเศรษฐ. (2564). กิจกรรมทางกายช่วยเพิ่มความจำและผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการ. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร, 19(2), 45-52.
นวลจันทร์ จุฑาภักดีกุล และคณะ. (2560). การพัฒนาและหาค่าเกณฑ์มาตรฐานเครื่องมือประเมินการคิดเชิงบริหารในเด็กปฐมวัย. (พิมพ์ครั้งที่ 1) . กรุงเทพมหานคร : ศูนย์วิจัยประสาทวิทยาศาสตร์สถาบัน ชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล มหาวิทยาลัยมหิดล.
พาสนา จุลรัตน์. (2561). การจัดการเรียนรู้สำหรับผู้เรียนในยุคThailand 4.0. วารสารมหาวิทยาลัยศิลปากร, 11(2), 2363-2380.
เพิ่มศักดิ์ สุริยจันท. (2557). การสร้างสนามเด็กเล่นกลางแจ้ง ตามแนวคิดปัญญา. ใน เอกสารประกอบการประชุมผู้บริหารสถานศึกษาและครูพลศึกษา ตามโครงการส่งเสริมกิจกรรมทางกายสำหรับนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนและโรงเรียนในถิ่นทุรกันดารกันยายน-ตุลาคม 2557. มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่.
เยาวพา เดชะคุปต์. (2542). การศึกษาปฐมวัย. กรุงเทพมหานคร: แม็ค.
ศรีเรือน แก้วกังวาล. (2549). จิตวิทยาพัฒนาการชีวิตทุกช่วงวัย (พิมพ์ครั้งที่ 9) . กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมีศาสตร์.
สถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต. (2559). คู่มือการจัดกิจกรรมการเสริมสร้างความผูกพัน ทางอารมณ์สำหรับพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดูเด็กวัยแรกเกิด 5 ปี ด้วย "กิน กอด เล่น เล่า". (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล. (2562). โครงการพัฒนาต้นแบบส่งเสริมการเล่นในบริบทไทยเพื่อสร้างทักษะสำหรับเด็กและเยาวชน : THAI-ACP. นครปฐม: มหาวิทยาลัยมหิดล.
สุวิมล ว่องวาณิช. (2558). การวิจัยประเมินความต้องการจำเป็น (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อรุณี หรดาล. (2563). สอนอย่างไรให้เด็กปฐมวัยคิดเป็น. วารสารวไลยอลงกรณ์ปริทัศน์ (มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์), 10(2), 221-228.
อัจฉรียา กสิยะพัท. (2563). ผลของโปรแกรมการส่งเสริมกิจกรรมทางกายสำหรับนักเรียนปฐมวัยอายุ 2-5ปีที่มีต่อการพัฒนาสมรรถภาพทางกาย อารมณ์จิตใจ สังคม และปัญญา เพื่อนำไปสู่การมีความสามารถในการปฏิบัติกิจกรรมทางกาย. วารสารวิจัยราชภัฏเชียงใหม่, 21(3), 49-67.
Di Liegro, C.M et al. (2019). Physical Activity and Brain Health. Genes, 10(9), 720-733.
Eric R. Kandal. et al. (2012). Principles of Neural Science. by McGraw-Hill: Fifth.
Hötting, K., & Röder, B. (2013). Beneficial effects of physical exercise on neuroplasticity andcognition. Neuroscience & Biobehavioral Reviews, 37 (9, Part B), 2243-2257.
Hughes, C. & Ensor, R. (2007). Executive function and theory of mind: Predictive relationsfrom ages 2 to 4. Developmental psychology, 43(6), 1447-1460.
Cabe, M. C. et al. (2004). The development of self-regulation in young children: Individualcharacteristics and environmental contexts. In R. F. Baumeister & K. D. Vohs (Eds.),Handbook of self-regulation : Research, theory, and applications. (pp. 340). NewYork : United States.
McClelland, M. M. et al. (2006). The impact of kindergarten learning - related skills onacademic trajectories at the end of elementary school. Early Childhood Research Quarterly, 21(4), 471–490.
Miller, E. K. & Cohen, J. D. (2001). An integrative theory of prefrontal cortex function. Annual Review of Neuroscience, 24(1), 167-202.
Roebers, C. M. et al. . (2011). Schoolenrolment and executive functioning: A longitudinalperspective on developmental changes,the influence of learning context, and the prediction of pre- academic skills. EuropeanJournal of Developmental Psychology, 8(5), 526-540.
Swanson, H. L. et al. (2008). Growth in working memory and mathematical problem solvingin children at risk and not at risk for serious math difficulties. Journal of educationalpsychology, 100(2), 343-358.
World Health Organization. (2019). Guidelines on physical activity, sedentary
behaviour andsleep for children under 5 years of age. Geneva: World Health Organization.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 วารสารสังคมศาสตร์และมานุษยวิทยาเชิงพุทธ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.




