การพัฒนาศักยภาพและการบริหารจัดการของวัดแบบครบวงจร เพื่อรองรับ การท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวิปัสสนากรรมฐานสำหรับผู้สูงอายุที่อยู่เพียงลำพัง ในเขตท่องเที่ยวเมืองรองภาคเหนือตอนบน
คำสำคัญ:
การพัฒนาศักยภาพ, การบริหารจัดการ, การท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวิปัสสนากรรมฐาน, ผู้สูงอายุที่อยู่เพียงลำพัง, เมืองรองภาคเหนือตอนบนบทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวิปัสสนากรรมฐาน และ 2) ศึกษาแนวทางการพัฒนาศักยภาพและการบริหารจัดการของวัดแบบครบวงจรรองรับการท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวิปัสสนากรรมฐาน เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักท่องเที่ยวทั่วไปและนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุ ใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง จำนวน 700 คน ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ ได้แก่ เจ้าอาวาส เจ้าหน้าที่ของวัด ผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิชาการ ปราชญ์ชาวบ้าน ผู้นำชุมชน และนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุ โดยใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ เป็นแบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์เชิงลึก และการสนทนากลุ่ม สถิติที่ใช้ ได้แก่ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) ศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวิปัสสนากรรมฐาน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อจำแนกรายด้านจากค่าเฉลี่ยมากไปหาน้อย ด้านสิ่งดึงดูดใจทางการท่องเที่ยวมีระดับมากที่สุด รองลงมาคือ ด้านการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยว ด้านสิ่งอำนวยความสะดวก ด้าน การบริการผู้สูงอายุ ด้านกิจกรรมการท่องเที่ยว ด้านเส้นทางคมนาคมเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยว และด้านที่พักในแหล่งท่องเที่ยว ตามลำดับ 2) แนวทางการพัฒนาศักยภาพและการบริหารจัดการ ควรมุ่งเน้นพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวของวัดให้มีคุณค่าและความสำคัญในแง่ของความเลื่อมใสศรัทธา ความเป็นเอกลักษณ์เก่าแก่และทรงคุณค่าทางจิตใจ ทำแผนที่แสดงเส้นทางท่องเที่ยวแสวงบุญ ขับเคลื่อนกิจกรรมดึงดูดความสนใจที่เหมาะสมกับประเพณี วัฒนธรรมและวิถีชีวิตดั้งเดิม จัดตั้งศูนย์บริการและจัดสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ กำหนดแผนการดำเนินงาน ให้สอดคล้องกับบริบทของวัด พัฒนาบุคลากรวัดให้มีทักษะการบริการและการสื่อสารที่ดี พัฒนาระบบการประสานงานและการประชาสัมพันธ์ รวมทั้งเสริมสร้างคุณค่าของการท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวิปัสสนากรรมฐานสำหรับผู้สูงอายุอย่างยั่งยืน
เอกสารอ้างอิง
กรรณิกา คำดี. (2558). วัดและศาสนสถานในมิติของการท่องเที่ยว. วารสารบัณฑิตศึกษา มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 4(2), 177-178.
กฤษติญา มูลศรี. (2561). แนวทางการพัฒนาศักยภาพบุคลากรภาคธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท. วารสารสหวิทยาการวิจัย, 7(1), 14-23.
โกศล จันทร์สมคอย. (2562). แนวทางการวางแผนเชิงกลยุทธ์ในแหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่น. วารสารวิชาการธรรมทรรศน์, 19(2), 49-59.
เทพฤทธิ์ วงศ์ภูมิ และคณะ. (2558). ความชุกของโรคซึมเศร้าในประชากรสูงอายุจังหวัดเชียงใหม่. วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประประเทศไทย, 56(2), 103-115.
บัญชา พงษ์พานิช. (2560). การท่องเที่ยวเชิงศาสนาและจิตใจ. เรียกใช้เมื่อ 20 มีนาคม 2563 จาก https://www.mots.go.th/ewt_dl_link.php?nid=7789
ปริญญา นาคปฐม และระชานนท์ ทวีผล. (2561). การพัฒนาคุณภาพงานบริการทางการท่องเที่ยวสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุ. วารสารบัณฑิตศึกษามหาวิทยาลัย ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์, 12(1), 255-269.
พระจำนง ผมไผ. (2563). วัดกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวบนเส้นทางลุ่มน้ำโขง. วารสารสังคมศาสตร์และมานุษยวิทยาเชิงพุทธ, 5(5), 158-169.
ศิรินันทน์ พงษ์นิรันดร. (2559). แนวทางในการพัฒนาศักยภาพการจัดการท่องเที่ยว อำเภอ วังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา. วารสารวิทยาลัยบัณฑิตศึกษาการจัดการ มข, 9(1), 234-255.
สถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย. (2560). สถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. 2559. กรุงเทพมหานคร: มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย.
สำนักพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคเหนือ. (2558). รายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทย. เชียงใหม่: สำนักพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคเหนือ.
อมราวดี คำบุญ. (2556). การประเมินความพร้อมทางการท่องเที่ยวของเมืองท่องเที่ยวขนาดเล็กจังหวัดอุบลราชธานี. ใน วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการท่องเที่ยว. มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 วารสารสังคมศาสตร์และมานุษยวิทยาเชิงพุทธ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.




