การพัฒนานวัตกรรมสื่อดิจิทัลและแอปพลิเคชันแบบแม่นยำ เพื่อการเรียนรู้และสืบค้นแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวิปัสสนากรรมฐาน ในเขตท่องเที่ยวเมืองรอภาคเหนือตอนบน

ผู้แต่ง

  • ตระกูล ชำนาญ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตล้านนา เชียงใหม่
  • สงัด เชียนจันทึก คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตล้านนา เชียงใหม่
  • สมิตไธร อภิวัฒนอมรกุล คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตล้านนา เชียงใหม่
  • ชาลี ภักดี คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตล้านนา เชียงใหม่
  • พระมหาวีรศักดิ์ สุรเมธี คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตล้านนา เชียงใหม่

คำสำคัญ:

นวัตกรรมสื่อดิจิทัล, แอปพลิเคชันแบบแม่นยำ, แหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวิปัสสนากรรมฐาน, เมืองรองภาคเหนือตอนบน

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สำรวจและรวบรวมข้อมูลสารสนเทศของแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวิปัสสนากรรมฐาน 2) สร้างและพัฒนานวัตกรรมสื่อดิจิทัลและแอปพลิเคชันแบบแม่นยำสำหรับการเรียนรู้และสืบค้นแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองภาคเหนือตอนบน เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นพระสงฆ์ ปราชญ์ชาวบ้าน และผู้สูงอายุ เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบสัมภาษณ์เชิงลึก และการสนทนากลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลแบบอรรถาธิบายและพรรณนา ผลการวิจัย พบว่า 1) ผลการรวบรวมข้อมูลสารสนเทศของแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวิปัสสนากรรมฐานเมืองรองภาคเหนือตอนบน มีลักษณะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัตถุธรรม แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยวเชิงปัญญาธรรม และแหล่งท่องเที่ยวเชิงปฏิบัติธรรม สิ่งสำคัญภายในวัดส่วนใหญ่ ประกอบด้วยพระอุโบสถ พระวิหาร พระเจดีย์ หอศิลป์หรือพิพิธภัณฑ์ พระประธาน องค์พระธาตุ พระเจ้าทันใจ หอระฆัง รอยพระพุทธบาทจำลอง ซุ้มประตู จิตรกรรมฝาผนังและจุดชมวิว ส่วนอัตลักษณ์และเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ได้แก่ สถาปัตยกรรม ประติมากรรมและจิตรกรรมทางพระพุทธศาสนา โดยมีการประยุกต์ผสมผสานพุทธศิลปะทางล้านนากับพม่า รวมทั้งศิลปะไทใหญ่กับไทลื้อ สอดแทรกคติธรรมและความเชื่อความศรัทธาทางพระพุทธศาสนาลงไปในการก่อสร้าง ซึ่งล้วนแล้วแต่สะท้อนถึงความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาในอดีตได้เป็นอย่างดี 2) การสร้างและพัฒนานวัตกรรมสื่อดิจิทัลของแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองภาคเหนือตอนบน ได้แก่ อีบุ๊ค และวีดีโอออนไลน์ โดยนำเสนอสื่อสารแก่นักท่องเที่ยวผ่านทางยูทูบช่อง Buddhist Tourism, Google Sites และเว็บ anyflip ส่วน แอปพลิเคชันแบบแม่นยำสำหรับการเรียนรู้และสืบค้นแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวิปัสสนากรรมฐาน สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้ใช้งานด้านการท่องเที่ยวได้ โดยนำเสนอบนสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์แท็บเล็ต

เอกสารอ้างอิง

จุฑาพร บุญคีรีรัฐ. (2563). การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการท่องเที่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศบนโลกดิจิทัล. วารสารปัญญาภิวัฒน์, 12(2), 285-298.

นฤพนธ์ เพ็ชรพุ่ม และคณะ. (2560). การพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันเพื่อการท่องเที่ยวประเทศไทย. ใน รายงานการวิจัย. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระ นครเหนือ.

ภัชรบถ ฤทธิ์เต็ม. (2558). รูปแบบการจัดการท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรมในวัด. วารสารศิลปศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, 11(1), 1-21.

วิทยาลัยการจัดการ. (2561). สื่อสารโดนใจ รุ่นใหญ่วัยสีเงิน. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยมหิดล.

สถาพร เกียรติพิริยะ. (2563). การส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองด้วยเทคโนโลยีสื่อดิจิทัล. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, 7(12), 436-448.

สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2561). การมีการใช้คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือ. เรียกใช้เมื่อ 1 มีนาคม 2564 จาก http://service.nso.go.th/nso/web/ statseries/statseries22.html

สำนักส่งเสริมและพัฒนาสุขภาพจิต. (2560). คู่มือความสุข 5 มิติสำหรับผู้สูงอายุ. นนทบุรี: โรงพิมพ์ ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.

สุกัลยา โหราเรือง. (2563). การศึกษาวิเคราะห์กิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงพุทธในล้านนา. วารสารสังคมศาสตร์ และมานุษยวิทยาเชิงพุทธ, 5(3), 70-85.

สุทธยา สมสุข. (2563). พฤติกรรมการใช้สื่อสังคมออนไลน์ของผู้สูงอายุ. วารสารปาริชาตมหาวิทยาลัยทักษิณ, 33(1), 63-76.

Chansiriwat, T. et al. . (2016). Factors influencing website accessibility of the elderly. Journal of Industrial Technology Ubon Ratchathani Rajabhat University, 6(2), 66-181.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

12/30/2022

รูปแบบการอ้างอิง

ชำนาญ ต. ., เชียนจันทึก ส. ., อภิวัฒนอมรกุล ส. ., ภักดี ช. . ., & สุรเมธี พ. . (2022). การพัฒนานวัตกรรมสื่อดิจิทัลและแอปพลิเคชันแบบแม่นยำ เพื่อการเรียนรู้และสืบค้นแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวิปัสสนากรรมฐาน ในเขตท่องเที่ยวเมืองรอภาคเหนือตอนบน. วารสารมานุษยวิทยาเชิงพุทธ, 7(12), 1–12. สืบค้น จาก https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JSBA/article/view/261615

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย