การบริหารจัดการเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการป้องกันและปราบปราม การกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงในพื้นที่ภาคตะวันออกของประเทศไทย

บทคัดย่อ

การศึกษาการบริหารจัดการเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง ในพื้นที่ภาคตะวันออกของประเทศไทยเป็นการวิจัยแบบผสมผสานระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยมีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษา การบริหารจัดการเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงพื้นที่ภาคตะวันออกของประเทศไทย (2) เพื่อเปรียบเทียบการบริหารจัดการเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงพื้นที่ภาคตะวันออกของประเทศไทย ตามปัจจัยส่วนบุคคลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ (3) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารจัดการเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงกับความรู้ความเข้าใจในข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และ (4) เพื่อศึกษาข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงพื้นที่ภาคตะวันออกของประเทศไทย ในการวิจัยเชิงปริมาณซึ่งเป็นการใช้แบบสอบถามในการสำรวจความคิดเห็นใช้กลุ่มตัวอย่าง เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง จำนวน 240 คน และใช้วิธีการเลือกตัวอย่างด้วยวิธีการสุ่มอย่างง่าย

          ผลการวิจัยพบว่า การบริหารจัดการเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงในพื้นที่ภาคตะวันออกของประเทศไทยโดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง โดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย คือ ด้านนโยบายการบริหารงาน ด้านกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ด้านกำลังพล เจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้านสวัสดิการ ค่าตอบแทน เงินสินบนและรางวัล ด้านการติดต่อสื่อสารประสานความร่วมมือจากหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้อง และด้านการส่งกำลังบำรุง งบประมาณ อุปกรณ์เครื่องมือด้านเทคโนโลยี พัสดุสำหรับการปฏิบัติการ ผลการทดสอบสมมติฐานงานวิจัยโดยการเปรียบเทียบระดับการบริหารจัดการเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจใน การป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงพื้นที่ภาคตะวันออกของประเทศไทยในภาพรวม พบว่า (1) กลุ่มตัวอย่างที่มีเพศ สายงาน ระดับการศึกษา ระยะเวลารับราชการ และรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่างกัน  มีความคิดเห็นเกี่ยวกับระดับการบริหารจัดการไม่แตกต่างกัน (2) กลุ่มตัวอย่างที่มียศ อายุ ตำแหน่ง การฝึกอบรมหรือสัมมนา และระยะเวลาในการปฏิบัติงานต่างกัน มีความคิดเห็นต่อระดับการบริหารจัดการในภาพรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 ผลการทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารจัดการเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมาย กับความรู้ความเข้าใจในข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการป้องกัน และปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย พบว่า (3) ความรู้ความเข้าใจในข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง มีความสัมพันธ์กับการบริหารจัดการเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมาย โดยมีความสัมพันธ์ในภาพรวมที่เกิดขึ้นนั้นเป็นไปในทิศทางเดียวกันและอยู่ในระดับปานกลาง (r = 0.53)