การบริหารจัดการหน่วยงานกลางในการคุ้มครองพยานในคดีอาญาในกระบวนการยุติธรรมไทย

Main Article Content

พันเอก ศุภณัฏฐ์ หนูรุ่ง

บทคัดย่อ

การวิจัยเรื่อง การบริหารจัดการหน่วยงานกลางในการคุ้มครองพยานในคดีอาญาในกระบวนการยุติธรรมไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบและแนวทางการบริหารจัดการหน่วยงานกลางในการคุ้มครองพยานในคดีอาญาในกระบวนการยุติธรรมไทยที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ โดยการวิจัยแบบผสมผสานซึ่งศึกษาทั้งการวิจัยเชิงคุณภาพ ด้วยการสัมภาษณ์แบบเชิงลึก (In-depth Interview) กับผู้ให้ข้อมูลสำคัญรวม 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มผู้บริหารหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม 2. กลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิด้านการคุ้มครองพยาน 3. กลุ่มผู้ปฏิบัติงานด้านการคุ้มครองพยาน จำนวน 13 คน และการประชุมกลุ่มย่อย (Focus group)เพื่อระดมสมอง มีผู้เข้าประชุมให้ความเห็นข้อมูลเกี่ยวกับภารกิจด้านการคุ้มครองพยาน เพื่อการบริหารจัดการหน่วยงานกลางในการคุ้มครองพยานในคดีอาญาในกระบวนการยุติธรรมไทย จำนวน 17 คน สำหรับการวิจัยเชิงปริมาณใช้แบบสอบถามแบบมีโครงการสร้างเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากพยานหรือผู้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่เข้าโครงการคุ้มครองพยานของสำนักงานคุ้มครองพยานกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เจ้าหน้าที่ชุดคุ้มครองความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม จำนวน 172 คน  ผลการวิจัยพบว่า


  1. ผลการวิจัย เชิงคุณภาพ พบว่า ผู้บริหารหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการคุ้มครองพยานผู้ปฏิบัติงานด้านการคุ้มครองพยาน และจากผู้เข้าร่วมประชุมกลุ่มย่อย ได้ให้ความเห็นถึงปัญหาการคุ้มครองพยานในคดีอาญา และรูปแบบหน่วยงานในการคุ้มครองพยานในคดีอาญาในกระบวนการยุติธรรมไทย ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ได้แก่ (1) ปัญหาเกี่ยวกับพยานบุคคลที่ยังไม่มีความมั่นใจ และเชื่อมั่นในการปฏิบัติงานหน่วยงานราชการจึงทำให้ไม่กล้าที่จะมาเป็นพยาน ปัญหาด้านกฎหมาย ที่ยังไม่มีความชัดเจนบางมาตราของกฎหมายและไม่สามารถบังคับใช้ได้ เช่น การเปลี่ยนชื่อที่อยู่ หรือบางหน่วยงานเลือกเฉพาะคุ้มครองพยานที่อยู่ในอำนาจศาลทหารเท่านั้น (2) ปัญหาการบริหารด้านการคุ้มครองพยาน สำนักงานคุ้มครองพยานเป็นหน่วยงานระดับกองในกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพไม่สามารถปฏิบัติงานการประสานหน่วยงานที่มีภารกิจคุ้มครองพยานได้อย่างแท้จริง เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่ไม่มีอำนาจในการควบคุม กำกับดูแลและติดตามประเมินผล รวมทั้งมีอัตรากำลังน้อยที่ไม่พอต่อการปฏิบัติภารกิจตามอำนาจหน้าที่ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ นักกฎหมาย นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ (3) ปัญหาด้านงบประมาณ สำนักงานคุ้มครองพยานมิได้เป็นหน่วยงานที่กำหนดยุทธศาสตร์และเป็นหน่วยงานตั้งคำของบประมาณ จึงขึ้นอยู่กับผู้บริหารกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพว่าจะให้ความสำคัญในภารกิจคุ้มครองพยานมากน้อยเพียงใด จึงทำให้ไม่มีอำนาจในการบริหารจัดการในการประสานงานในฐานะหน่วยงานกลางได้อย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ จากผลการศึกษาวิจัย ทำให้ได้รูปแบบและแนวทางการบริหารจัดการหน่วยงานกลางในการคุ้มครองพยานในคดีอาญาในกระบวนการยุติธรรมไทย ที่มีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
    1. ผลการวิจัย เชิงปริมาณ เมื่อวิเคราะห์ในภาพรวม พบว่า ระดับความคิดเห็นของพยานหรือผู้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดและเจ้าหน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองพยานอยู่ความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า (1) การรับรู้การเข้าโครงการคุ้มครองพยานของพยานจากพนักงานสอบสวนอยู่ในระดับมากที่สุด และการรับรู้การเข้าโครงการคุ้มครองพยานและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองพยานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติมากที่สุด (2) ระดับความคิดเห็นต่อการให้การคุ้มครองพยานและการบริหารจัดการของสำนักงานคุ้มครองพยานในภาพรวมความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก ได้แก่ ความคิดเห็นในประเด็น,การรับรู้ถึงสิทธิพยาน การรับรู้ถึงกระบวนการขั้นตอนการขอเข้ารับการคุ้มครองพยาน การรับรู้ถึงเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการคุ้มครองพยาน สื่อ อุปกรณ์ เครื่องมือ สิ่งของในการคุ้มครองพยาน ความรู้เกี่ยวกับสำนักงานคุ้มครองพยานและการบริการจัดการ, ความมั่นใจในการคุ้มครองปลอดภัยแก่พยาน, และมีความคิดเห็นระดับมากเกี่ยวกับการคุ้มครองพยานที่ได้รับหรือได้ปฏิบัติหน้าที่มีผลสัมฤทธิ์และมีประสิทธิภาพ

    ดังนั้น เมื่อสังเคราะห์ผลการวิจัยเชิงคุณภาพ และการวิจัยเชิงปริมาณ เพื่อให้ได้รูปแบบและแนวทางการบริหารจัดการหน่วยงานในการคุ้มครองพยานในคดีอาญาในกระบวนยุติธรรมไทยที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ผู้วิจัยได้นำมาจัดทำเป็น (Model) โดยใช้ชื่อว่า ROCJEFS MODEL ประกอบด้วย


    R หมายถึง Regulator มีหน้าที่กำกับควบคุม ดูแล วางระเบียบ กฎเกณฑ์ ขับเคลื่อน ผลักดันแนวทางการดำเนินงานรับรองสิทธิของพยานและปฏิบัติภารกิจคุ้มครองพยาน


    O หมายถึง Operator การดำเนินการปฏิบัติการคุ้มครองพยานตามมาตรการทั่วไปหรือมาตรการพิเศษเมื่อพยานร้องขอหรือเมื่อเหตุจำเป็นและมีความสำคัญต้องให้กรมคุ้มครองพยานคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่พยานหรือหน่วยงานต่างประเทศประสานขอความร่วมมือหรือกรมคุ้มครองพยานประสานขอความร่วมมือการคุ้มครองความปลอดภัยไปยังต่างประเทศ


    C หมายถึง Cooperation มีหน้าที่ประสานความร่วมมือภารกิจคุ้มครองพยานกับหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม หน่วยงานอื่นของรัฐ หน่วยงานเอกชน และหน่วยงานต่างประเทศในภารกิจเกี่ยวข้องกับการคุ้มครองพยาน


    J หมายถึง Justice มีหน้าที่อำนวยความยุติธรรม ด้วยการให้ประชาชนและพยานได้รับการรับรองสิทธิอันสมควรจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมและได้รับการคุ้มครองความปลอดภัยเพื่อให้สามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมในการให้ข้อเท็จจริงต่อพนักงานสืบสวน พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ การเบิกความต่อศาลหรือหน่วยงานอื่นของรัฐในการนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมายเพื่อความยุติธรรม เที่ยงธรรม ชอบธรรม และความสงบเรียบร้อยของสังคม


    E หมายถึง Efficiency การมีประสิทธิภาพในขีดความสามารถในการควบคุม กำกับ ดูแลด้านสมรรถนะเจ้าหน้าที่ และด้านการบริหารจัดการเพื่อให้การดำเนินงานภารกิจคุ้มครองพยาน ทั้งด้านการรับรองสิทธิของพยานตามกฎหมายและการปฏิบัติคุ้มครองความปลอดภัยแก่พยานให้มีความคล่องแคล่ว สะดวก รวดเร็ว ถูกต้องโดยมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดในการบังคับใช้กฎหมาย


    F หมายถึง Financial การบริหารจัดการทางด้านการเงินให้มีประสิทธิภาพโดยการรับผิดชอบงบประมาณและการบริหารทางการเงิน ในภารกิจคุ้มครองพยานทั้งระบบ มุ่งเน้นความอิสระในการบริหารจัดการ และมุ่งผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานในรูปแบบให้บริการโดยตรงในการนำไปให้บริการแก่ประชาชน ซึ่งระบบงบประมาณจะเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบ ติดตาม ประเมินผลและรายงานผล การดำเนินงานภารกิจคุ้มครองพยานโดยรวมที่มาของเงินงบประมาณมี 2 ลักษณะ คือ จากงบประมาณประจำปี และค่าปรับ ในชั้นศาลให้สนับสนุนงานด้านคุ้มครองพยานร้อยละ 5 ของค่าปรับจากผู้กระทำผิด


    S หมายถึง Standard การมีแบบแผนมาตรฐานด้านวิชาการการคุ้มครองพยานอำนวยการ การฝึกศึกษา วิจัย พัฒนา กฎหมาย กฎระเบียบ คำสั่ง ข้อบังคับ ระบบมาตรฐานการคุ้มครองพยาน รวมทั้งเจ้าหน้าที่บุคลากรให้มีสมรรถนะขีดความสามารถเป็นที่เชื่อมั่นและมั่นใจของพยาน โดยกำหนดให้มีการสนับสนุนหน่วยงานที่มีภารกิจคุ้มครองพยานมีการปฏิบัติที่เหมาะสมและเป็นมาตรฐานเดียวกัน



Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
หนูรุ่ง ศ. (2018). การบริหารจัดการหน่วยงานกลางในการคุ้มครองพยานในคดีอาญาในกระบวนการยุติธรรมไทย. วารสารกระบวนการยุติธรรม, 11(1), 39–54. สืบค้น จาก https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JTJS/article/view/246923
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

หนังสือ และบทความในหนังสือ
กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ สำนักงานคุ้มครองพยาน. (2553). รวมกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองพยาน. กรุงเทพฯ: สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ.

กระทรวงยุติธรรม 124 ปี. (2528). 124 ปี แห่งหารอำนวยความเป็นธรรมลดความเหลื่อมล้ำสร้างสังคมแห่งความปลอดภัย. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนพับลิซซิ่ง.
บวรศักดิ์ อุวรรณโณ. (2538). คำอธิบายกฎหมายมหาชน เล่ม 3. กรุงเทพฯ: นิติธรรม.
พงษ์ธร ธัญญสิริ. (2555). อาชญาวิทยา. กรุงเทพฯ: กระทรวงยุติธรรม.
พรชัย ขันตี. (2553). ทฤษฎีอาชญาวิทยา : หลักการ แนวคิด และนโยบายประยุกต์. กรุงเทพฯ: สุเนตรฟิล์ม.
พิชัย นิลทองคำ. (2546). ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง วิธีพิจารณาความอาญา
พระธรรมมนูญศาลยุติธรรมฯ. กรุงเทพฯ: อฑตยา มิเล็นเนียน.
ศรีสมบัติ โชคประจักษ์ชัด และคณะ. (2552). รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาประเมินผลการบังคับใช้กฎหมายและการดำเนินการคุ้มครองพยานตามพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546. กรุงเทพฯ: กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม.
ศรีเรือน แก้วกังวาล. (2539). ทฤษฎีจิตวิทยาบุคลิกภาพ (พิมพ์ครั้งที่ 4). กรุงเทพฯ: เรือนแก้วการพิมพ์.
สมคิด บางโม. (2539). หลักการจัดการ (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: พิมพ์ดี.
สมพงศ์ เกษมสิน. (2523). การบริหาร (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช.
สุดสงวน สุธีสร. (2547). อาชญาวิทยา (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
อัณณพ ชูบำรุง และศรีสมบัติ โชคประจักษ์ชัด. (2538). ว่าด้วยเหยื่ออาชญากรรม (Victimology).
นครปฐม: สถาบันพัฒนาสาธารณสุข อาเซียน.
John G Vatentin. (1993). Present Issue for organized crime: The Australian UNAFEI Resource Material series No.44,
Piotr Bąkowski. (2013). Witness Protection Programmes EU Experiences in the International
Context. Library Briefing: Library of the European Parliament.

บทความในวารสาร นิตยสาร และหนังสือพิมพ์
ณรงค์ ใจหาญ, อุทัย อาทิเวช และปิติ โพธิวิจิตร. (2550). รายงานสรุปผลการศึกษาวิจัยโครงการศึกษา
เพื่อพัฒนามาตรการพิเศษในการคุ้มครองพยานตามพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546 มาตรา 10 (3), วารสารนิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร.

เอกสารอื่น ๆ
คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (2551). รายงานผลการศึกษาฉบับสมบูรณ์เรื่องแนว
ทางการปฏิบัติที่เหมาะสมต่อพยานในคดีอาญาระหว่างที่พยานอยู่ในการคุ้มครอง
ความปลอดภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546. กรุงเทพฯ:
กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม.
สถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. (2551). รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาเพื่อพัฒนามาตรการพิเศษในการคุ้มครองพยานตามพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา มาตรา 10 (3) ปี 2550. กรุงเทพฯ: กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ.
. (2556). รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540. [Online]. Available: http://www.lawreform.go.th/lawreform/images/th/legis/const/th/2540/c3330403htm [2556,กันยายน 3].