พฤติกรรมการรังแกกันของนักเรียนในประเทศไทยผ่านมุมมองอาชญาวิทยา
Main Article Content
บทคัดย่อ
พฤติกรรมการรังแกกันของนักเรียนในประเทศไทยผ่านมุมมองอาชญาวิทยามีวัตถุประสงค์เพื่อ ทำการศึกษาพฤติกรรมการรังแกกันในมุมมองทฤษฎีความผูกพันทางสังคม (Social Bond Theory) และ ทฤษฎีการคบหาสมาคมที่แตกต่างกัน (Differential Association Theory) ซึ่งเป็นทฤษฎีทางอาชญาวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดของเด็กและเยาวชน ถึงแม้พฤติกรรมการรังแกกันยังมิใช่พฤติกรรมการกระทำผิดทางกฎหมาย แต่หากการศึกษาความเป็นไปของพฤติกรรมยังไม่ครบทุกรอบด้าน ขาดแนวทางป้องกันที่ชัดเจน อาจจะทำให้พฤติกรรมที่เป็นเพียงแค่พฤติกรรมเบี่ยงเบนสามารถพัฒนากลายเป็นพฤติกรรมกระทำผิดหรือพฤติกรรมอาชญากรได้ในอนาคต ดังนั้นแล้วการศึกษาในครั้งนี้จึงมีความเฉพาะเจาะจงไปที่มุมมองด้านอาชญาวิทยาและมุ่งเน้นไปที่ทฤษฎีทางอาชญาวิทยาที่มีความเกี่ยวข้อง โดยทำการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพ (qualitative research) สัมภาษณ์เชิงลึกจากผู้ให้ข้อมูลสำคัญ 3 กลุ่ม ได้แก่ นักจิตวิทยา นักวิชาการด้านพฤติกรรมการรังแกกัน และด้านอาชญาวิทยา ซึ่งผลการศึกษาพบว่า พฤติกรรมการรังแกกันล้วนมีความเชื่อมโยงและเกี่ยวพันกับทฤษฎีทางอาชญาวิทยาทั้งสองนี้ โดยสามารถอธิบายได้ทั้งในแง่มุมของสาเหตุถึงความผูกพันทางสังคมที่เป็นสถาบันทางสังคมหลักที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับเด็กและเยาวชน หากเด็กและเยาวชนมีพันธะทางสังคมสูงมักจะมีแนวโน้มในการแสดงพฤติกรรมเบี่ยงเบนหรือพฤติกรรมอาชญากรรมน้อย แต่หากมีพันธะทางสังคมอยู่ในระดับต่ำหรือมีความผูกพันทางสังคมน้อยก็มักจะมีแนวโน้มที่จะมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนสูง รวมทั้งหากมีการคบหาสมาคมกับเพื่อนที่มีอุปนิสัยหรือมีพฤติกรรมรังแกผู้อื่นอยู่ก่อนแล้วจะส่งผลให้เกิดการเรียนรู้พฤติกรรมจนนำไปสู่การแสดงพฤติกรรมนั้นเสียเอง จากผลการศึกษาที่ได้นั้นจะสามารถนำไปสู่แนวทางการป้องกันได้ในอนาคตโดยจะต้องมีการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานและสถาบันทางสังคมที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะสถาบันทางสังคมที่เล็กที่สุดคือครอบครัว
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ต้นฉบับที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารกระบวนการยุติธรรม แต่ความคิดเห็นที่ปรากฏในเนื้อหาของบทความในวารสารกระบวนการยุติธรรม ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว
เอกสารอ้างอิง
จิรพัฒน์ พรหมสิทธิการ. (2543). ปัจจัยที่มีผลต่อการทะเลาะวิวาทของนักเรียนอาชีวศึกษา : ศึกษากรณีเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล. วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
ชูศรี วงศ์รัตนะ. (2560). เทคนิคการสร้างเครื่องมือวิจัย: แนวทางการนำไปใช้อย่างมืออาชีพ. กรุงเทพฯ: อมรการพิมพ์.
ปองกมล สุรัตน์. (2561). การรังแกผ่านโลกไซเบอร์ในมิติสังคมวัฒนธรรม: กรณีศึกษาเยาวชนไทยเจเนอเรชั่น Z. วิทยานิพนธ์ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ.
มูลนิธิยุวพัฒน์. (2562). การกลั่นแกล้ง (Bullying) ความรุนแรงในสังคม. ค้นเมื่อ 20 พฤษภาคม 2566, จาก https://www.yuvabadhanafoundation.org/th/ข่าวสาร/บทความทั่วไป/การกลั่นแกล้ง-bullying-วัยรุ่น/
วรพงษ์ วิไล และเสริมศิริ นิลดำ. (2561). พฤติกรรมการรังแกกันผ่านโลกไซเบอร์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาในจังหวัดเชียงราย: กรณีศึกษาโรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย. CRRU Journal of Communication Chiangrai Rajabhat University, 1(2), 1-24.
Hindelang, M. J. (1973). Causes of delinquency: A partial replication and extension. Social Problems, 20(4), 471-487.
Hirschi, T. (1969). Causes of delinquency. Berkeley, University of California Press.
Krisda Saengcharoensap and Veenunkarn Rujiprak. (2564). Cyberbullying among University Students in Thailand. Thammasat Review, 24(2), 41-58.
Sutherland, E., & Cressey, D. R. (1987). Criminology. New York: Harper and Row.
Victim Support Finland. (2014). WHAT TO DO IN SCHOOL BULLYING SITUATIONS. Retrieved May 20, 2023, from https://www.riku.fi/en/guides-and-instructions/what-to-do-in-school-bullying-situations/