รายละเอียดการเตรียมบทความ

วารสารวิจัยและนวัตกรรมทางการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร

 

          วารสารวิจัยและนวัตกรรมทางการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร เป็นวารสารราย 6 เดือน เผยแพร่ปีละ 2 ฉบับ ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน และ ฉบับที่ 2 กรกฎาคม-ธันวาคม จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ผลงานในลักษณะบทความวิชาการ (Academic Article) บทความวิจัย (Research Article) และบทความปริทัศน์ (Review Article) แก่นักวิจัย นักวิชาการ และบุคคลทั่วไปที่สนใจ

 

ขอบเขตของผลงานที่ตีพิมพ์

          วารสารวิจัยและนวัตกรรมทางการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร พิจารณาเผยแพร่บทความวิชาการ บทความวิจัย ที่มีสาระเกี่ยวเนื่องกับ

- การศึกษาในสาขาวิชาต่าง ๆ ด้านศึกษาศาสตร์และครุศาสตร์ (Education)

- นวัตกรรมและเทคโนโลยีการศึกษา (Innovation and Technology in Education)

- การบริหารการศึกษา (Educational Administration)

- หลักสูตร (Curriculum)

- การจัดการเรียนการสอน (Classroom Management, Instruction)

- การเรียนรู้ (Learning)

- การศึกษาปฐมวัย (Early Childhood, Kindergarten, Pre-school Education)

- ประถมศึกษา (Elementary Education)

- มัธยมศึกษา (Secondary Education)

- การวิจัยทางการศึกษา (Educational Research)

- การวัดผลและประเมินผล (Assessment and Evaluation)

- สถิติทางการศึกษา (Educational Statistics)

- ปรัชญาและศาสนาการศึกษา (Educational Philosophy and Religion)  

- จิตวิทยาการศึกษา (Psychology)

- การแนะแนว (Guidance)

- การศึกษาพิเศษ (Special Education)

- การประกันคุณภาพการศึกษา (Quality Assurance in Education)

- การพัฒนาวิชาชีพครู (Teacher Professional Education)

- การฝึกอบรมและการศึกษาผู้ใหญ่ (Training and Adult Education)

- การศึกษาสำหรับการพัฒนาชุมชนและสังคม (Education for Community and Social Development)

- การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Development)

- สาขาวิชาอื่น ๆ ในสหวิทยาการด้านครุศาสตร์และศึกษาศาสตร์ (Others involving educational integration)

 

การพิจารณาบทความ

บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารนี้จะได้รับการประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาที่เกี่ยวข้อง (Peer Review) อย่างน้อย 2 ท่าน โดยผู้เขียนและผู้ทรงคุณวุฒิประเมินบทความจะไม่ทราบชื่อซึ่งกันและกัน (Double-blind Peer Review)

 

ประเภทของบทความที่รับตีพิมพ์

  1. บทความวิชาการ (Academic Article)

งานเขียน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เป็นความรู้ใหม่ กล่าวถึงความเป็นมาของปัญหา วัตถุประสงค์ แนวทางการแก้ไขปัญหา มีการใช้แนวคิดทฤษฎี ผลงานวิจัยจากแหล่งข้อมูล เช่น หนังสือ วารสารวิชาการ อินเทอร์เน็ตประกอบการวิเคราะห์วิจารณ์ เสนอแนวทางแก้ไข

 

  1. บทความวิจัย (Research Article)

เป็นการนำเสนอผลงานวิจัยอย่างเป็นระบบ กล่าวถึงความเป็นมา และความสำคัญของปัญหา วัตถุประสงค์ การดำเนินการวิจัย

 

  1. บทความปริทัศน์ (Review Article)

งานวิชาการที่ประเมินสถานะล่าสุดทางวิชาการ (State of the art) เฉพาะทางที่มีการศึกษาค้นคว้า มีการวิเคราะห์และสังเคราะห์องค์ความรู้ทั้งทางกว้าง และทางลึกอย่างทันสมัย โดยให้ข้อพิพากษ์ที่ชี้ให้เห็นแนวโน้มที่ควรศึกษาและพัฒนาต่อไป

 

หลักเกณฑ์ในการส่งบทความ

  1. บทความที่ผู้เขียนส่งมาเพื่อตีพิมพ์จะต้องเป็นบทความที่ยังไม่เคยตีพิมพ์เผยแพร่หรืออยู่ระหว่างการเสนอขอตีพิมพ์จากวารสารอื่น ๆ
  2. เนื้อหาในบทความต้องไม่คัดลอก ลอกเลียน หรือไม่ตัดทอนจากบทความอื่นโดยเด็ดขาด (การละเมินลิขสิทธิ์ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนเท่านั้น)
  3. ผู้เขียนต้องเขียนบทความตามรูปแบบที่กำหนดไว้ในระเบียบการส่งบทความของ วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
  4. การพิจารณาบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร จะพิจารณาเฉพาะบทความที่ได้รับการประเมินให้ตีพิมพ์เผยแพร่จากผู้ทรงคุณวุฒิเท่านั้น
  5. กรณีข้อเสนอแนะจากผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เขียนต้องปรับแก้ไขตามข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิ และชี้แจงการแก้ไขต้นฉบับดังกล่าว มายังกองบรรณาธิการ

 

คำแนะนำการเตรียมต้นฉบับ

            รับการตีพิมพ์บทความทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ จัดพิมพ์ด้วยโปรแกรม Microsoft Word 2007 ขึ้นไป โดยใช้ตัวหนังสือแบบ TH SarabunPSK  ขนาด 14 pt. ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ  กำหนดตั้งค่าหน้ากระดาษ บน 1.5 นิ้ว ซ้าย 1.5 นิ้ว ล่าง 1.0 นิ้ว ขวา 1.0 นิ้ว  โดยความยาวของบทความควรเป็นดังนี้

  1. บทความทางวิชาการ (Academic article) ประมาณ 15 หน้า ต่อบทความ
  2. บทความวิจัย (Research article) ประมาณ 15 หน้า ต่อบทความ
  3. บทความปริทัศน์ (Review article) ประมาณ 8  หน้า ต่อบทความ

โดยมีส่วนประกอบดังนี้

บทความทางวิชาการ

บทความวิจัย

บทความปริทัศน์

1.บทนํา

2.กรอบในการวิเคราะห์

3.เนื้อหา

4.สรุป

5.เอกสารอ้างอิง

1.บทนํา

2.วัตถุประสงค์ของการวิจัย

3.ประโยชน์ที่ได้รับจากการวิจัย (ถ้ามี)

4.ขอบเขตของการวิจัย

5.สมมติฐาน (ถ้ามี)

6.กรอบแนวคิดของการวิจัย

7.ระเบียบวิธีวิจัย

8.ผลการศึกษา

9.สรุปผลการวิจัยและอภิปรายผลการวิจัย

10.ข้อเสนอแนะ

11.เอกสารอ้างอิง

1.บทนํา

2.เนื้อหา
3.บทสรุป
4.เอกสารอ้างอิง

 

Academic Article

Research Article

Review Article

1.Introduction

2.Framework Analysis
3.Content 4.Conclusion 5.References

1.Introduction

2.Research Objectives

3.Expected Benefits (If any)

4.Research Scope

5.Hypothesis (If any)

6.Conceptual Framework

7.Methodology

8.Results

9.Conclusion and Discussion

9.1 Conclusion

9.2 Discussion

10.Suggestions and Recommendations

 11. References

1.Introduction

2. Content

3. Conclusion

  4.References

 

ชื่อเรื่อง          ควรมีความกระชับและชัดเจน ไม่ยาวจนเกินไป บทความภาษาไทยต้องมีชื่อเรื่องทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด

ชื่อผู้เขียน        ระบุชื่อเต็มและนามสกุลเต็มของผู้เขียนทุกคนทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษโดยไม่ใส่ยศหรือตำแหน่ง สำหรับผู้เขียนหลักต้องใส่ E-mail address ที่ติดต่อได้และลงเครื่องหมายดอกจันกำกับ

บทคัดย่อ         ทุกบทความต้องมีบทคัดย่อเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษยกเว้นบทวิจารณ์หนังสือ โดยควรมีความยาวระหว่าง 200 ถึง 250 คำ

คำสำคัญ         ให้มีคำสำคัญ 3-5 คำ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

รูปภาพ           แยกบันทึกเป็นไฟล์ภาพที่มีนามสกุล TIFF, หรือ JPEG ถ้าเป็นภาพถ่ายกรุณาส่งภาพต้นฉบับเพื่อคุณภาพในการพิมพ์ หมายเลขรูปภาพและกราฟ ให้เป็นเลขอารบิก คำบรรยายและรายละเอียดต่างๆ อยู่ด้านล่างของรูปภาพ ปรับรูปแบบให้เหมาะสมกับการตีพิมพ์แบบขาว-ดำ หรือ Greyscale

เนื้อหา            ใช้ตัวหนังสือแบบ TH SarabunPSK  ขนาด 14 pt. จัดเนื้อหาตามรูปแบบบทความวิชาการ (Academic Article) บทความวิจัย (Research Article) และบทความปริทัศน์ (Review Article) หน่วยที่ใช้ให้เป็นไปตามรูปแบบสากล ศัพท์ภาษาอังกฤษในวงเล็บให้ใช้ตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดยกเว้นชื่อเฉพาะ หากมีสมการให้ใช้ Equation Editor โดยจัดให้อยู่ในตำแหน่งกลางหน้ากระดาษ และระบุหมายเลขสมการ

ตาราง            หมายเลขตารางให้เป็นเลขอารบิก คำบรรยายและรายละเอียดต่างๆ อยู่ด้านบนของตาราง

เอกสารอ้างอิง   เป็นรายชื่อเอกสารที่ใช้อ้างถึงในบทความ โดยให้แปลเป็นภาษาอังกฤษทุกรายการ และจัดรูปแบบอ้างอิงตามระบบ APA 6th edition

(หมายเหตุ)      - ผู้เขียนควรระบุแหล่งทุนที่สนับสนุนการวิจัย(ถ้ามี)

                   - ผู้เขียนควรระบุจริยธรรมและจรรยาบรรณในงานวิจัย หรือ การพิทักษ์สิทธิของกลุ่มตัวอย่างในการวิจัย(ถ้ามี)

 

 

 

รูปแบบการอ้างอิง

  1. 1. การอ้างอิงในเนื้อหา (In-text citation)

กรณีอ้างอิงชื่อผู้เขียนก่อนข้อความ                 ชื่อผู้เขียน (ปีที่พิมพ์)........................

ตัวอย่าง                                   Kelly (2004) แสดงให้เห็นว่า........................

                                                Saikaew & Kaewsarn (2009) ได้ศึกษาเกี่ยวกับ........................

                                                Lui et al. (2000) พบว่า........................

                                                Saikaew & Kaewsarn (2009) และ Lui et al. (2000) พบว่า

กรณีอ้างอิงชื่อผู้เขียนท้ายข้อความ       ...................... (ชื่อผู้เขียน, ปีที่พิมพ์)

ตัวอย่าง                                   ...................... (Kelly, 2004)

                                                ...................... (Saikaew & Kaewsarn, 2009)

                                                ...................... (Lui et al., 2000)

                                                ...................... (Saikaew & Kaewsarn, 2009; Lui et al., 2000)

 

  1. 2. การอ้างอิงในส่วนท้ายบทความ (References)

2.1  อ้างอิงจากหนังสือ (Books)

รูปแบบ       ชื่อผูเขียน. (ปที่พิมพ์). ชื่อหนังสือ. (ครั้งที่พิมพ). สถานที่พิมพ: สํานักพิมพ.

ตัวอย่าง      Crawley, R. B., Dockery, L. M., Branson, T. S., Carmichael, L. E., Carson, J. C., Findlay, A. F., & Smith, D. M. (2015). Manor houses of the early 1900s. London, England: Taylor & Francis.

 

2.2  อ้างอิงจากบทความวารสาร (Journal articles)

รูปแบบ       ชื่อผู้เขียน. (ปีพิมพ์). ชื่อบทความ. ชื่อวารสาร, ปีที่(ฉบับที่), หน้าแรก-หน้าสุดท้าย.

ตัวอย่าง      Yingsanga, P., & Mathurasa, L. (2009). Yellowing development of Chinese Kale (Brassica oleracea var. alboglabla).  Phranakhon Rajabhat Research Journal: Science and Technology, 14(1), 76-90. (In Thai)

               Morrisa, G.A., Fosterb, T.J., & Hardinga, S.E. (2000). The effect of the degree of esterification on the hydrodynamic properties of citrus pectin. Food Hydrocolloids, 14(3), 227–235.

 

 

2.3  อ้างอิงจากวิทยานิพนธ์ (Theses and Dissertations)

รูปแบบ       ชื่อผู้เขียน. (ปีพิมพ์). ชื่อวิทยานิพนธ์. (ระดับวิทยานิพนธ์). มหาวิทยาลัย, เมืองที่ตั้งมหาวิทยาลัย.

ตัวอย่าง      Caprette, C.L. (2005). Conquering the cold shudder: The origin and evolution of snake eyes. (Doctoral dissertation). Ohio State University, Columbus, OH.

 

2.4  อ้างอิงจากรายงานการวิจัย/รายงานทางวิชาการ  (Technical/Research reports)

รูปแบบ       ชื่อผู้เขียน. (ปีพิมพ์). ชื่อเรื่อง (ประเภทของเอกสาร). สถานที่พิมพ์: สำนักพิมพ์.

ตัวอย่าง      Tayama, T. (2006). Velocity influence on detection and prediction of changes in color and motion direction (Report No. 38). Sapporo, Japan: Psychology Department, Hokkaido University.

 

2.5  บทความ/บทในหนังสือการประชุม (Proceedings of meeting and symposium)

รูปแบบ       ชื่อผู้เขียนในบท. (ปีพิมพ์). ชื่อเรื่อง. ใน ชื่อบรรณาธิการ, (บรรณาธิการ), ชื่อการประชุม (หน้าแรก-หน้าสุดท้าย). สถานที่พิมพ์: สานักพิมพ์.

ตัวอย่าง      Deci, E.L., & Ryan, R.M. (1991). A motivational approach to self: Integration in personality. In R. Dienstbier (Ed.), Nebraska Symposium on motivation: Vol. 38 Perspectives on motivation (237-288). Lincoln, NM: University of Nebraska Press.

 

2.6  อ้างอิงจากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ

รูปแบบ       ชื่อผู้เขียน. (ปีพิมพ์). ชื่อเรื่อง. Retrieved from http://.............[ใส่วันที่สืบค้น].

ตัวอย่าง      Centers for Disease Control and Prevention. (2003). Take charge of your diabetes. Retrieved from http://www.cdc.gov/diabetes /pubs/paf/ted.pdf [2015, 25 Oct.]

 

2.7  อ้างอิงอื่นๆ

รูปแบบ       ชื่อผู้ให้สัมภาษณ์. (ปีที่ให้สัมภาษณ์, วัน เดือน). สัมภาษณ์. ตำแหน่งผู้ให้สัมภาษณ์. หน่วยงาน.

ตัวอย่าง      Phae-ngam, W. (2016, 10 Jan.). How to write a good research article. Assistant Professor. Faculty of Science and Technology. Phranakhon Rajabhat University.

 

การพิจารณาบทความ

บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารนี้จะได้รับการประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาที่เกี่ยวข้อง (Peer Review) อย่างน้อย 3 ท่าน โดยผู้เขียนและผู้ทรงคุณวุฒิประเมินบทความจะไม่ทราบชื่อซึ่งกันและกัน (Double-blind Peer Review)

การติดต่อส่งต้นฉบับ

ส่งเป็นไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ (Microsoft Word ไฟล์นามสกุล docx) ผ่านระบบ Online Submission ทางเว็บไซต์วารสาร https://so04.tci-thaijo.org/index.php/RESEARCH_INNOVTION_IN_EDUCATION/login  เมื่อทางกองบรรณาธิการ ได้รับบทความจะติดต่อกลับตามข้อมูลที่ให้ไว้

  *ท่านสามารถดาวโหลด Template ได้ที่  ลิงค์ https://drive.google.com/drive/folders/1uNmrtxTHJWQWcyRGAkkEkFyzxQYzye_L?usp=sharing  

**ทั้งนี้เจ้าของบทความ ต้องกรอกรายละเอียดสมัครสมาชิก สังกัด อีเมล และเบอร์โทรศัพท์ ให้ถูกต้อง

กำหนดระยะเวลาการเปิดรับต้นฉบับ

สามารถจัดส่งต้นฉบับบทความวิจัยหรือบทความวิชาการมาให้ทางกองบรรณาธิการ ฯ พิจารณาได้ตลอดทั้งปี