การสืบทอดวัฒนธรรมการฟ้อนสาวไหม และแนวทางการพัฒนาให้เป็นผลิตภัณฑ์บริการการตลาดเพื่อสังคม

Main Article Content

สุธีรา อะทะวงษา

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการดำรงอยู่ทางวัฒนธรรมของชุมชน เพื่อฟื้นฟูและหาแนวทางการสืบทอด วัฒนธรรมการฟ้อนสาวไหมสู่กลุ่มคน 3 วัย และค้นหาแนวทางการพัฒนาการฟ้อนให้เป็นผลิตภัณฑ์บริการการตลาดเพื่อสังคมของชุมชนพื้นที่เทศบาลตำบลสิริเวียงชัย อำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม มีกลุ่มเป้าหมาย 2 กลุ่มคือ กลุ่มผู้นำชุมชนและชาวบ้านในชุมชน กลุ่มคน 3 วัย ได้แก่ วัยเด็ก วัยเยาวชน และวัยผู้ใหญ่รวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์ การสนทนากลุ่ม และการฝึกอบรม จากนั้นทำการจำแนกประเภทของข้อมูล เรียบเรียงและสร้างข้อสรุปในรูปแบบเชิงพรรณนา ผลการศึกษาพบว่า ชุมชนในพื้นที่มีการแสดงออกถึงวัฒนธรรมของท้องถิ่นที่ หลากหลาย ส่วนใหญ่ล้วนเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับประเพณีและกิจกรรมทางพุทธศาสนา สำหรับการฟื้นฟูและหาแนวทางสืบทอดวัฒนธรรมการฟ้อนสาวไหมสู่กลุ่มคน 3 วัย ของชุมชน พบว่า การพัฒนารูปแบบและทักษะการฟ้อน การสอนและการฝึกอบรมเป็นการถ่ายทอดภูมิปัญญาความรู้ที่ให้ผลในเชิงประจักษ์ ส่วนแนวทางการพัฒนาการฟ้อนให้เป็นผลิตภัณฑ์บริการการตลาดเพื่อสังคมนั้นชุมชนควรมีการจัดตั้งกลุ่มช่างฟ้อนขึ้นและพัฒนาระบบการบริหารจัดการกลุ่มโดยมีการแสดงฟ้อนเป็นผลิตภัณฑ์บริการการตลาดเพื่อสังคมในการเผยแพร่วัฒนธรรมการฟ้อนของท้องถิ่นให้ดำรงอยู่สืบไป

Article Details

ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

คeล่า มุสิกา. (2556). การจัดการมรดกทางวัฒนธรรมของชุมชน กรณีศึกษาฟ้อนกลองตุ้ม จังหวัดอุบลราชธานี. วารสารวิจัยเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่. 5(6), 21-35.

ณัฐฐ์วัฒน์ สุทธิโยธิน. (2556). การสืบทอดทางวัฒนธรรม (cultural inheritance) ที่ประสบความสำเร็จ. สืบค้นเมื่อ 20 ธันวาคม 2556, จาก http://nattawats.blogspot.com/2013/04/cultural-inheritance.html

นงเยาว์ อำรุงพงษ์วัฒนา. (2541). ศิลปะการฟ้อนผู้ไทย จังหวัดนครพนม. สืบค้นเมื่อ 15 มกราคม, 2558 จาก ฐานข้อมูล การวิจัยการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม: http://www.thaiedresearch.org/thaied/

บัวเรียว รัตนมณีภรณ์. (2558, มีนาคม 4). แม่ครูนาฏศิลป์, สัมภาษณ์.

ประภัสสร โพธิ์ศรีทอง. (2558). โลกาภิวัตน์กับการจัดการวัฒนธรรม. สืบค้นเมื่อ 5 สิงหาคม 2558, จาก http://www.oknation.net/blog/thaitourismsociety/2013/10/04/entry-1

พันทิพา มาลา และ ลำยอง ปลั่งกลาง. (2553). แนวทางการฟื้นฟูวัฒนธรรมชุมชนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว : กรณีศึกษาชุมชนอeเภอบ้านแพรก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. พระนครศรีอยุธยา : สถาบันอยุธยาศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา.

มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม. (2558). การฟ้อนสาวไหม. สืบค้นเมื่อ 15 มกราคม 2558, จาก http://ich.culture.go.th/index.php/th/ich/performing-arts/236-performance/310-----m-s

วิรัตน์ คำศรีจันทร์. (2554). พลังความรู้การวิจัยแบบ PAR. กรุงเทพฯ : พี. เอ. ลีฟวิ่ง.

สมชัย ใจดี และ ยรรยง ศรีวิริยาภรณ์. (2545). ประเพณีและวัฒนธรรมไทย. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช.

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดลำปาง. (2551). โครงการวิจัยแบบมีส่วนร่วมของเครือข่ายวัฒนธรรมและชุมชนในการบริหารจัดการวัฒนธรรม กรณีศึกษากลุ่มก๋องปู่จาบ้านวังหม้อ ต.ต้นธงชัย อ.เมืองจังหวัดลำปาง. ลำปาง: สำนักงานฯ.

สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ. (2551ก). คู่มือเครือข่ายศูนย์วัฒนธรรมในสถานศึกษา. กรุงเทพฯ : องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก.

______ (2551ข). สาระสำคัญงานวิจัยวัฒนธรรมเล่ม 1 ประจำปี 2524-2548. กรุงเทพฯ : สำนักงานฯ.

อมรา พงศาพิชญ์. (2547). สังคมและวัฒนธรรม : เอกสารประกอบการศึกษาวิชา 313-183. กรุงเทพฯ : ด่านสุทธา.

เอื้องฟ้า ถาวรรักษ์. (2555). การอนุรักษ์ สืบทอดศิลปะการแสดงพื้นบ้านชาวกะเหรี่ยง “รำตง” อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี. กาญจนบุรี : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี.

References
Armstrong, G. and Kotler, P. (2015). Marketing An Introduction. (12th ed.). n.p.: Prentice Hall.

Amrungpongwattana, Nongyao. (1998). Phuthai Dance in Nakhon Phanom Province. Retrieved January 15, 2015 from http://www.thaiedresearch.org/thaied/ (in Thai).

Intangible culrutal heritage. (2015). Saomai dance. Retrieved January 15, 2015 from http://ich.culture.go.th/index.php/th/ich/performing-arts/236-performance/310-----m-s (in Thai).

Jaidee, Somchai and Sriviriyaporn, Yanyong. (2002). Thai Custom and Culture. Bangkok: Thai Watana Panich. (in Thai).

Kotler, P. (2000). Marketing Management. (10th ed.). Upper Saddle River, New Jersey: Prentice-Hall.

Kamsrichan, Wirat. (2011). Participatory Action Research. Bangkok: P. A. Living. (in Thai).

Lampang Provincial Culture Office. (2008). The research study of participation to cultural network and community for cultural management : A case study of Ban Wang Mor village, Lampang province. Lampang: Lampang Provincial Culture Office. (in Thai).

Mala, Phunthipa and Plangklang, Lumyong. (2010). Rehabilitation guidelines for community culture to promote tourism: case study Ban Phraek community, Ayutthaya. Ayutthaya : Ayutthaya Studies Institute, Phranakhon Si Ayutthaya Rajabhat University. (in Thai).

Musika, Khumla. (2013). Cultural heritage management of a community, A case study: Glong Toom Dancing and Drumming from Ubon Ratchathani province. Area Base Development Research Journal, 5(6), pp. 21-35. (in Thai).

Office of The Nation Culture Commission. (2008a). A Guidebook for cultural network on education.Bangkok: The War Veterans Organization of Thailand. (in Thai).

______ (2008b). The Major of cultural research Volume 1 Annual 1981-2005. Bangkok: Office of The Nation Culture Commission. (in Thai).

Posrithong, Prapassorn. (2015). Globalization and cultural management. Retrieved August 5, 2015 from http://www.oknation.net/blog/ thaitourismsociety/2013/10/04/entry-1 (in Thai).

Pongsapich, Amara. (2004). Social and culture: Handout of Course 313-183. Bangkok: Darnsutha.(in Thai).

Rattanamaneeporn, Buariao. (2015, March 4). Lanna Dance Artist. Interview.Sutthiyothin, Nattawat. (2013). Successful cultural inheritance. Retrieved December 20, 2014 from http://nattawats.blogspot.com/2013/04/cultural-inheritance.html (in Thai).

Thavornlak, Aeungfah. (2012). Preservation of folk art performance Karen "Ram Tong", Si Sawat district,Kanchanaburi Province. Kanchanaburi : Kanchanaburi Provincial Culture Office. (in Thai).