พฤติกรรมการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลของกลุ่มเจนเนอเรชั่น B, X และ Y ในเขตกรุงเทพมหานคร
คำสำคัญ:
สลากกินแบ่งรัฐบาล, กลุ่มเจนเนอเรชั่น B, X และ Y, พฤติกรรมการซื้อบทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะทางประชากรศาสตร์ของกลุ่มเจนเนอเรชั่น B X และ Y ตลอดจน พฤติกรรมการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล และ ความพึงพอใจในปัจจัยทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลของกลุ่มเจนเนอเรชั่น B, X และ Y ซึ่งเป็นงานวิจัยเชิงสำรวจ (Survey research) และใช้แบบสอบถามเก็บรวบรวมข้อมูลกับกลุ่มเจนเนอเรชั่น B, X และ Y จำนวน 450 คน ซึ่งเป็นผู้ที่เคยซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยใช้วิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage Sampling)
ผลจากการศึกษาพบว่า ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จำนวน 332 คน (73.8%) และเพศชาย จำนวน 118 คน (26.2%) ส่วนใหญ่มีพฤติกรรมเลือกซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลให้ตนเอง ด้วยเหตุผลหวังรวยและอยากได้เงินก้อนใหญ่ และได้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลมาเป็นเวลานานกว่า 5 ปีขึ้นไป เฉลี่ยในการซื้อต่อครั้งคือ 1 - 2 ใบ ในราคาขั้นต่ำใบละ 80 บาท และสูงสุดใบละ 100 บาท ส่วนใหญ่จะไม่ซื้อสลากแบบชุด เลือกซื้อสลากจากย่านการค้า/ตลาด/หน้าร้านสะดวกซื้อ และจะซื้อสลากก่อนล่วงหน้าหลายวันก่อนวันออกรางวัล ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนมากมีความพึงพอใจมากในด้านส่งเสริมการตลาด (Promotion) โดยเฉพาะการตรวจสอบผลการออกรางวัลผ่านเว็บไซต์และมือถือ และด้านผลิตภัณฑ์ (Product) ในเรื่องสลากเป็นการพนันที่ถูกกฎหมาย กำกับดูแลโดยรัฐบาล ด้านสถานที่จำหน่าย (Place) ในเรื่องมีความสะดวกในการซื้อหา ซื้อง่าย และด้านราคา (Price) ในเรื่องราคาสลากแบบรวมชุดต้องไม่เกิน ใบละ 80 บาท ตามลำดับ
ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า กลุ่มเจนเนอเรชั่น B, X และ Y ที่แตกต่างกันจะมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลแตกต่างกัน โดยปัจจัยด้านราคาพบว่า กลุ่ม(Gen Y) 18 - 37 ปี และ (Gen X) 38 - 52 ปี มีความพึงพอใจที่แตกต่างกัน ส่วนปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ ด้านสถานที่จำหน่าย และด้านส่งเสริมการตลาด นั้นพบว่า กลุ่มเจนเนอเรชั่นที่แตกต่างกันไม่มีผลต่อความพึงพอใจในปัจจัยทางการตลาดของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลแตกต่างกัน ที่ระดับนัยสำคัญ 0.05
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ข้อความ ข้อคิดเห็น ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ แผนภูมิ แผนผัง เป็นต้น ที่ปรากฏและแสดงในบทความต่างๆ ในวารสารบริหารธุรกิจเทคโนโลยีมหานคร ถือเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของผู้เขียนบทความนั้นๆ มิใช่เป็นความรับผิดชอบใดๆ ของวารสารบริหารธุรกิจเทคโนโลยีมหานคร และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร
บทความที่ตีพิมพ์ในวารสารบริหารธุรกิจเทคโนโลยีมหานคร ถือเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่งไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับการอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานครก่อนเท่านั้น