การศึกษาความเป็นไปได้ในโครงการลงทุนห้องปฏิบัติการอณูชีววิทยา

ผู้แต่ง

  • ฐิติพันธุ์ ไม้ประเสริฐ
  • โรจนา ธรรมจินดา
  • สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม

คำสำคัญ:

การศึกษาความเป็นไปได้, มูลค่าปัจจุบันสุทธิ, ระยะเวลาคืนทุนคิดลด, อัตราผลตอบแทนภายในของโครงการ, ดัชนีกำไร

บทคัดย่อ

การศึกษาความเป็นไปได้ในโครงการลงทุนห้องปฏิบัติการอณูชีววิทยา เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในโครงการลงทุนห้องปฏิบัติการอณูชีววิทยาโรงพยาบาลเอกชน ในจังหวัดเชียงใหม่ ทำการศึกษาด้วยวิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) และการวิเคราะห์เชิงคุณภาพ (Qualitative Analysis) ผลการศึกษาพบว่ามีความเป็นไปได้ ทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการตลาด ด้านเทคนิค ด้านการจัดการและด้านการเงิน โครงการมีความน่าลงทุน มีเงินลงทุนเริ่มแรกจ านวน 1,083,465 บาท ผลการประเมินโครงการพบว่า มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) มีค่า เป็นบวก มีค่าเท่ากับ 1,133,836.82 บาท อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) เท่ากับ 50.34% มีระยะเวลาคืนทุนแบบคิดลด เท่ากับ 2 ปี 3 เดือน 11 วันและดัชนีการทำกำไร (PI) เท่ากับ 2.05 เท่า พบว่ามีโอกาสทางการตลาด ศักยภาพในการเติบโตและสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ของโรงพยาบาลในการเพิ่มศักยภาพการรักษาผู้ป่วย จากการพยากรณ์ พบว่าจำนวนการทดสอบทางอณูชีววิทยามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเนื่องจากเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ทันสมัยและแพทย์ให้ความสนใจในการส่งตรวจเพิ่มมากขึ้น โดยเริ่มต้นโครงการเลือกรายการทดสอบไข้หวัดใหญ่และไข้เลือดออกซึ่งเป็นการวินิจฉัยกลุ่มโรคที่พบมาก
ที่สุดในโรงพยาบาล สถานที่ตั้งของโครงการอยู่ที่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีการออกแบบผังการปฏิบัติการแบบ Process Layout ออกแบบตามมาตรฐาน โดยแบ่งเป็นห้องเตรียมน้ำยา ห้องสกัดสารพันธุกรรมและห้องตรวจวัดสารพันธุกรรม จากการวิเคราะห์ความสามารถในการให้บริการ (Capacity Analysis) พบว่าเพียงพอกับจำนวนอุปสงค์ในอนาคตที่พยากรณ์ไว้ สูงสุดใน 5 ปีข้างหน้า จากการวิเคราะห์ด้านการจัดการ มีการคัดเลือกนักเทคนิคการแพทย์ที่มีความเชียวชาญ (Job Specialization) จากภายนอกเพิ่ม 2-3 อัตราโดยเพิ่มขึ้นตามจำนวนการให้บริการทดสอบ  กำหนดอัตรากำลังโดยวิธีการวิเคราะห์ภาระงานด้านวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ ห้องปฏิบัติการอณูชีววิทยาเปิดให้บริการทุกวัน ในเวลา
8:00 น.–20:00 น. และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของแผนกห้องปฏิบัติการ

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2019-12-24

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย (Research Article)