The Stress Test: Redefining Hegemony and Regional Resilience through an Analysis of U.S. Economic Coercion and the Thailand-Cambodian Conflict

บทคัดย่อ

งานวิจัยนี้ประยุกต์ใช้ระเบียบวิธีวิจัยกรณีศึกษาเชิงพยากรณ์ (Predictive Case Study) ภายใต้สถานการณ์จำลองที่สร้างขึ้น เพื่อวิเคราะห์ปฏิสัมพันธ์ระหว่างนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกาและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมุ่งเน้นที่ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อตอบโจทย์ทางทฤษฎีที่ว่าแรงกดดันทางเศรษฐกิจจากภายนอกมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อความเปราะบางของสถาบันภายในภูมิภาค บทความนี้ได้พัฒนาสถานการณ์จำลองแบบ "สมมติเหตุการณ์" (What-if scenario) ที่มีความเป็นไปได้ เพื่อทำการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress-test) อย่างเข้มข้นต่อระบบที่เชื่อมโยงกันสามระบบ ได้แก่ ยุทธศาสตร์การใช้อำนาจรัฐทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ (U.S. Economic Statecraft) ความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค และความเป็นแกนกลางทางการทูตของอาเซียน โดยแทนที่จะสำรวจเพียงแค่อิทธิพลทั่วไป การศึกษานี้ได้แจกแจงกลไกเชิงโครงสร้างของการใช้ภาษีศุลกากรในฐานะเครื่องมือบีบบังคับทางเศรษฐกิจ เพื่อปรับเปลี่ยนทิศทางของการแก้ไขความขัดแย้งและการจัดดุลอำนาจในภูมิภาค ซึ่งแม้ว่าอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อาจกดดันให้เกิดการลดระดับความรุนแรงได้ในระยะสั้น แต่ผลการศึกษาเผยให้เห็นความย้อนแย้งที่สำคัญ กล่าวคือ กลไกการบีบบังคับดังกล่าวกลับเปิดเผยจุดอ่อนที่หยั่งรากลึกในโมเดลห่วงโซ่อุปทานแบบ "China Plus One" บั่นทอนความน่าเชื่อถือทางการทูตของอาเซียน และเสี่ยงที่จะเร่งให้เกิดการจัดขั้วอำนาจทางภูมิรัฐศาสตร์ใหม่ในภูมิภาค ทั้งนี้ แม้การศึกษานี้จะมีข้อจำกัดภายใต้ขอบเขตของตัวแปรในสถานการณ์จำลองมากกว่าการใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์ทางประวัติศาสตร์ แต่การวิเคราะห์นี้แสดงให้เห็นว่าการวิเคราะห์สถานการณ์เชิงพยากรณ์สามารถเปิดเผยจุดอ่อนเชิงโครงสร้างที่มักมองไม่เห็นในการศึกษาย้อนหลัง (Retrospective Studies) ได้อย่างไร ซึ่งข้อค้นพบเหล่านี้ช่วยวางรากฐานเชิงมโนทัศน์ที่เข้มแข็งสำหรับการศึกษาเชิงประจักษ์ในอนาคต เกี่ยวกับการบีบบังคับทางเศรษฐกิจและการทูตในภาวะวิกฤตของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้