สภาพการทำงานและพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของสตรีที่ทำงานไม้แกะสลัก
Main Article Content
บทคัดย่อ
การทำงานไม้แกะสลักเป็นหัตถอุตสาหกรรมประเภทหนึ่งที่จัดอยู่ในภาคเศรษฐกิจนอกระบบที่สร้างชื่อเสียงให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นอย่างมาก ส่วนใหญ่เป็นงานรับเหมามาทำที่บ้าน ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อสุขภาพต่อผู้ทำงานและสมาชิกในครอบครัวหากไม่มีการควบคุมที่ดีพอ การวิจัยนี้เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับสภาพการทำงานและปัญหาสุขภาพของผู้ทำงานไม้แกะสลัก ในตำบลขุนคง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่โดยมีวิธีการรวบรวมข้อมูลหลายวิธีทั้งวิธีการวิจัยเชิงปริมาณร่วมกับวิธีวิจัยเชิงคุณภาพได้แก่ การสอบถามสตรีที่ทำงานไม้แกะสลักซึ่งเป็นผู้ให้ข้อมูลหลักจำนวน 100 คน ร่วมกับการทบทวนเอกสารที่เกี่ยวข้อง การสนทนาแบบไม่มีโครงสร้างกับผู้ที่เกี่ยวข้อง การสังเกตพฤติกรรมในการทำงานและสภาพแวดล้อมในการทำงาน และการสัมภาษณ์เจาะลึกและการสนทนากลุ่มกับผู้ทำงานแกะสลักไม้ ผู้ประกอบการ ผู้นำชุมชนเจ้าหน้าที่สถานีอนามัย และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน จำนวน 69 คน นอกจากนี้ผู้วิจัยได้การจัดเวทีนำเสนอข้อมูลที่ประมวลได้เพื่อขอการรับรองความถูกต้องของข้อมูลรวมทั้งขอข้อมูลเพิ่มเติม โดยผู้เข้าร่วมเวทีได้แก่ ผู้ทำงานแกะสลักไม้ ผู้ประกอบการ ผู้นำชุมชน เจ้าหน้าที่สถานีอนามัย และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน จำนวน 81 คน
ผลการศึกษาสรุปได้ว่า สตรีส่วนใหญ่ทำในขั้นตอนการตกแต่งและการประกอบชิ้นงาน และส่วนใหญ่ทราบว่าตนเองมีภาวะเสี่ยงและปัญหาสุขภาพจากการทำงาน โดยเฉพาะการอยู่ในท่าทางที่ไม่ถูกต้องเหมาะสมอย่างต่อเนื่องการสัมผัสฝุ่นละอองและสารเคมี รวมทั้งอุบัติเหตุจากการใช้เครื่องจักรกล การเจ็บป่วยที่พบมากที่สุดคือ อาการปวดเมื่อย ปวดหลัง ปวดเอว รองลงมาได้แก่ หอบหืดและโรคทางเดินหายใจอื่น โรคกระเพาะอาหาร ปัญหาเกี่ยวกับตาและสายตา ผิวหนัง และอุบัติเหตุ เมื่อมีการเจ็บป่วยเล็กน้อยสตรีจะดูแลตนเอง แต่เมื่อเจ็บป่วยที่ไม่สามารถดูแลตนเองนิยมใช้บริการจากสถานีอนามัยเป็นอันดับแรก
Article Details
ข้อเขียนทั้งหมดทีปรากฏในวารสารสังคมศาสตร์ เป็นความคิดเห็นของผู้เขียนโดยเฉพาะ มิใช่ทัศนคติของคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หรือกองบรรณาธิการวารสารสังคมศาสตร์
เอกสารอ้างอิง
เจียรนัย โพธิ์ไทรย์. 2544. หลักการส่งเสริมการคลอดด้วยตนเอง. เชียงใหม่:
แพรการพิมพ์.
ฉลาดชาย รมิตานนท์. 2547. “กระบวนทัศน์เกี่ยวกับสุขภาพและภูมิปัญญาพื้นบ้านเกี่ยวกับสุขภาพ”, ใน เอกสารประกอบการสัมมนาเรื่อง ทฤษฎีสังคมกับการปฏิรูปสังคมและสุขภาพ, ณ ห้องประชุมจุมภฏ-พันธุ์ทิพย์ อาคารประชาธิปก-รำไพพรรณี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 4-5 พฤศจิกายน 2547.
ธีระศักดิ์ มูลสาร. 2542. “การผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องกับสัญลักษณ์แห่งความ
เป็นแม่ที่ปลอดภัยในกระแสวัฒนธรรมบริโภคนิยม”. วารสารสังคมศาสตร์การแพทย์ 10 (2): 20-33.
นภาพร ชโยวรรณ, ชเนตตี มิลินทรางกูร, บุศริน บางแก้ว, ปรียา รุ่งโสภากุล,มาลินี วงษ์สิทธิ์, รักชนก คชานุบาล, วิพรรณ ประจวบเหมาะและ ศิริวรรณ ศิริบุญ. 2546. ภาวะเศรษฐกิจกับการเปลี่ยนแปลงทางประชากรและครอบครัวในประเทศไทย. กรุงเทพ: วิทยาลัยประชากรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
พัชรา วิชัยดิษฐ์. 2540. ปัจจัยทางสังคมวัฒนธรรมที่สัมพันธ์กับการตัดสินใจเลือกผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องของมารดา.วิทยานิพนธ์สังคมศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาสังคมศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุข บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยมหิดล.
พนา พวงมะลิ. 2541. การผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง: ค่านิยมของหญิงตั้งครรภ์.
วิทยานิพนธ์สังคมศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาสังคมศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุข บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล.
ภิเศก ลุมภิกานนท์. 2533. “ผ่าท้องคลอดดีจริงหรือ?”. วารสารศูนย์แพทยศาสตร์ 16 (3): 120–128.
ฟิลิป เกสต์. 2539. “การลดลงของภาวะเจริญพันธุ์ในประเทศไทย: ตัวกำหนดและผลกระทบ”, ใน กุศล สุนทรธาดา (บก.), จุดเปลี่ยนนโยบายประชากรประเทศไทย. กรุงเทพ : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย.
ยศ ตีระวัฒนานนท์, ฐิติมา สุนทรสัจ, สัญญา ศรีรัตนา, ปรัศนี ทิพโสถิตย์,วัชรา ริ้วไพบูลย์, วิโรจน์ ตั้งเจริญเสถียร. 2546ก.“ผลดี ผลเสีย การฝากครรภ์พิเศษในโรงพยาบาลของรัฐ”. วารสารวิชาการสาธารณสุข 12 (4):496 – 508.
ยศ ตีระวัฒนานนท์, , วิโรจน์ ตั้งเจริญเสถียร, สัญญา ศรีรัตนา, ปรัศนี ทิพ-โสถิตย์. 2546ข. “แบบแผนการคลอดบุตรของหญิงไทยในรอบ 12 ปี(2533 –2544)”. วารสารวิชาการสาธารณสุข 12 (1): 1–18.
วิชิต เปานิล. 2546. พุทธกระบวนทัศน์เพื่อสุขภาพและการเยียวยาในสังคมไทย.
กรุงเทพ: สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข.
วิโรจน์ ตั้งเจริญเสถียร, งามจิตต์ จันทรสาธิต, ชลลดา สิทธิทูรย์. 2541.แบบแผนการคลอดบุตรในโรงพยาบาล ปี 2533 – 2539. กรุงเทพ:สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข.
อนุวัฒน์ ศุภชูติกุล. 2539. “การบริหารจัดการเทคโนโลยีทางการแพทย์และสาธารณสุข”, ใน เอกสารประกอบการนำเสนอในที่ประชุมวิชาการประจำปีของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข เรื่องการปฏิรูปเพื่อสุขภาพ:ยุทธศาสตร์ใหม่สู่การพัฒนาระบบ, 1-2 กุมภาพันธ์ 2539. กรุงเทพ:สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข.
Freund, P.S. and Mcquire, M.B. 1995. Health Illness and the Social Body.
New Jersey: Prentice-Hall.
Johanson, R.N. and Mary, M.A. 2002. Has the Medicalisation of Childbirth
Gone Too far? British Medical Journal 324: 892 –895.
Leonie, P. 2004. “Caesarean Section on Request for Non-medical
Indications”. Current Obstetrics & Gynecology 14: 220 -223.
Lock, M. and Scheper-Hughes, N. 1990. “A Critical Interpretive Approach in
Medical Anthropology: Rituals and Routines of Discipline and Dissent.
In M. Thomas, & C. F. Sargent (Eds.)”, Medical anthropology contemporary theory and method. New York: Praeger.
Piralrat Pothong. 2002. “Factor Affecting Elective Caesarean Section Among
Nulliparous Women”. Thesis M.S (Public health) Faculty of graduate
studies Mahidol University.
Perkins, B. B. 2004. The Medical Delivery Business: Health Reform,
Childbirth, and the Economic Order. New Brunswick NJ: Rutgers University Press.
Ritzer, G. 2000. “Frontiers of McDonaldization: Birth, Death, and DeathDefying Acts”. In George Ritzer, The McDonaldization of Society, (pp.
146-165). California: Pine Forge Press.
Shearer, E. L. 1993. “Cesarean Section: Medical Benefts and Costs”, Social
Science & Medicine 37(10): 1223-1231.
Wyatt, David K. 1966. “The Buddhist Monkhood as an Avenue of Social
Mobility, in Traditional Thai Society” Sinlapakon, Vol. X No. 1.