Archives

  • Navigating Through Uncertainties: Dwelling in the Transition of Thai Society
    Vol. 35 No. 1 (2023)

    ความไม่แน่นอน (Uncertainty) ถือเป็นปมปัญหาสำคัญทางปรัชญาที่สะท้อนเงื่อนไขของภาวะความเป็นมนุษย์ อันได้แก่ การผิดพลาดได้ ขีดจำกัดในการรู้อดีตและอนาคต และการตัดสินใจและการกระทำการด้วยความบังเอิญของมนุษย์ที่ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ที่มิได้ตั้งใจ  ในทางภววิทยา มนุษย์จึงมิได้ดำรงอยู่อย่างสมบูรณ์หรือปราศจากข้อจำกัด ในเชิงญาณทัศน์ ความไม่แน่นอนของความรู้ หรือข้อจำกัดของความสามารถในการรับรู้ ถูกถือให้เป็นหลักการพื้นฐานในการสร้างโจทย์คำถาม เพื่อนำไปสู่แสวงหาความรู้ที่แน่นอน หรือหนทางในการกล่าวอ้างถึงความถูกต้องของความรู้  ตลอดประวัติศาสตร์ของปรัชญาตะวันตก การพยายามสร้างเครื่องมือทางปัญญาในการเข้าถึงความแน่นอนทางความรู้ ดำเนินมาในแนวทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแนวทางนอกเหตุผล (non-raltional) เช่น ศรัทธาและความเชื่อ ในการเอาชนะข้อจำกัดของความผิดพลาดในการไปสู่ความรู้ที่ถูกต้องของปรัชญาศาสนา หรือเหตุผลในระหว่างกลาง (in-betwen rationales) เช่น ความเชื่อใจ (trust) และสหัชญาณ (intution) อันเป็นประสบการณ์เชิงอัตวิสัยที่ให้ความสำคัญต่อการให้ความหมายต่อเหตุผลหลายประเภท ผ่านการวิเคราะห์ภาษาของปรัชญาสายปรากกฎการณ์นิยม (Schulz and Zinn 2023)  

    ความไม่แน่นอนนั้น อาจพิจารณาผ่านความแตกต่างระหว่างความไม่แน่นอนเชิงอัตวิสัย และความไม่แน่นอนเชิงภววิสัย (Wakeham 2015)  ในเชิงอัตวิสัยนั้น ปัจเจกบุคคลมีประสบการณ์ต่อความไม่แน่นอนบนฐานความรู้ที่บุคคลมีต่อเรื่องหนึ่ง ๆ ประสบการณ์ต่อเรื่องราวบางอย่างอาจท้าทายความเชื่อที่บุคคลนั้น ๆ มี และนำมาซึ่งการตั้งข้อสงสัยต่อความเชื่อที่มีอยู่ ประสบการณ์เชิงปรากฏการณ์นิยมเกี่ยวกับความไม่แน่นอนนี้เป็นไปได้ทั้งในลักษณะของการรับรู้ (cognitive) และในแง่อารมณ์ความรู้สึก (emotional)  ประสบการณ์เกี่ยวกับความไม่แน่นอนของบุคคลจึงมีอิทธิพลต่อการกระทำการทางสังคมของผู้คน ในขณะเดียวกัน บริบททางสังคมก็มีอิทธิพลต่อการหล่อหลอมประสบการณ์เชิงการรับรู้และเชิงอารมณ์ของความไม่แน่นอนด้วยเช่นกัน (อ้างแล้ว, 716) ในมิติของภววิสัยนั้น ความไม่แน่นอนไม่ได้มาจากประสบการณ์ของผู้คน หากแต่มาจากโลกที่มนุษย์ดำรงอยู่ ที่มนุษย์มิได้มีความรู้เกี่ยวกับโลกดังกล่าวอย่างสมบูรณ์​ ความไม่แน่นอนในมิติภววิสัย ยังมีนัยที่ต่างกันระหว่างญาณทัศน์และ  ภววิทยา ความไม่แน่นอนในเชิงญาณทัศน์ หมายถึง สิ่งที่ยังมิใช่ความรู้ แต่สามารถลดความไม่แน่นอนที่ไม่อาจรู้ได้ลงด้วยการแสวงหาข้อมูลและความรู้เพิ่มเติม ในขณะที่ความไม่แน่นอนในเชิงภววิทยา หมายถึงสิ่งที่ไม่อาจรู้ได้อันเนื่องมาจากความไม่สามารถที่จะรู้ได้เลย ซึ่งอาจเนื่องมาจากความซับซ้อนของปัญหาหรือสถานการณ์ หรืออุปสรรคโดยธรรมชาติของเวลาที่ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงความรู้ในทางประวัติศาสตร์ได้

  • สิทธิชาติพันธุ์ วัฒนธรรม และความท้าทาย
    Vol. 34 No. 2 (2022)

    วารสารสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2 (2565) ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง ด้วยการรวบรวมบทความจากหลากหลายพื้นที่และผู้เขียนหลายกลุ่ม ฉบับนี้มีเนื้อหาที่เป็นประเด็นทางวิชาการที่น่าสนใจ ทั้งในประเด็นความท้าทายวัฒนธรรมบริโภคเพื่อสุขภาพ ในกรณีนักวิ่งในเมืองจังหวัดขอนแก่น ประเด็นการวิพากษ์การศึกษาขั้นพื้นฐานของรัฐไทย โดยเฉพาะในเรื่องของการเรียนวัฒนธรรม ประเด็นสิทธิชนพื้นเมืองแคนนาดา และชาติพันธุ์ในแม่อายจังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนี้ ยังมีการอ่านทบทวนงานเขียนว่าด้วยมานุษยวิทยาในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในแง่ของจารีตของชาติและปฏิบัติการข้ามชาติ ซึ่งชี้ชวนให้เห็นถึงการเมืองของการผลิตสร้างความรู้ในสาขา “มานุษยวิทยา” ที่เปิดโลกทัศน์และขยายพรมแดนความรู้ 

  • ชาร์ล คายส์ ด้วยความเคารพและจดจำ
    Vol. 34 No. 1 (2022)

    Charles F. Keyes

    October 3, 1937 – January 3, 2022

    ด้วยความเคารพและจดจำ

     

    เป็นที่ยอมรับกันว่า ท่านคือนักมานุษยวิทยาอเมริกันคนสำคัญ ผู้มีความรู้อย่างลึกซึ้ง รอบด้าน เกี่ยวกับไทยศึกษาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา

     

    ความสำเร็จของอาจารย์คายส์ ในการผลักดันให้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา เติบโตอย่างมั่นคง นั้นกล่าวกันว่าไม่ได้เพียงแค่มาจาก ความลุ่มลึกแข็งแกร่งทางวิชาการของท่าน แต่ยังมาจาก การอุทิศตนของท่านอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ในฐานะอาจารย์สอนหนังสือและนักมานุษยวิทยาด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา

     

    ผลงานวิชาการด้านไทยศึกษา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา และมานุษยวิทยา-ล้านนาคดี ของอาจารย์คายส์นั้นมากมาย มีหนังสือทั้งที่เขียนเอง อาทิ The Golden Peninsula 1977.  Thailand: Buddhist Kingdom as Modern Nation-State 1987. และบรรณาธิการ กว่า 15 เล่ม บทความวิชาการนับร้อยชิ้น และงานเขียนเชิงอัตชีวประวัติ ซึ่งเป็นงานเขียนเล่มสุดท้ายของท่าน Impermanence: An Anthropologist of Thailand and Asia 2020.

     

    แม้อาจารย์คายส์จะได้จากไปแล้ว ทว่าคุณูปการจากการทำงาน ชีวิตที่ท่านอุทิศให้กับครอบครัว ลูกศิษย์ จนไปถึงมิตรสหาย และที่สำคัญ ผลงานการเขียนอันทรงคุณค่า ที่ช่วยสร้างความเข้าใจที่เรามี เกี่ยวกับสังคมไทยและเพื่อนบ้านอุษาคเนย์ยังอยู่กับพวกเราตลอดไป เหนือสิ่งอื่นใดอาจารย์คายส์ได้ฝากไว้บนโลกนี้ คือความดีงาม ความรัก และความเมตตา ที่ท่านมีให้เสมอต่อผู้คนรอบข้าง ลูกศิษย์ และกัลยาณมิตรของท่าน

     

    ชาร์ล คายส์

    ด้วยความเคารพและจดจำ

  • ความหวัง อาหาร รัฐการเงิน
    Vol. 33 No. 2 (2021)

    1 มกราคม 2494

    จรัล มโนเพ็ชร เกิดและเติบใหญ่ ที่บ้าน หลังวัดฟ่อนสร้อย ในเวียงเชียงใหม่ เรียนหนังสือตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงระดับวิทยาลัย ที่เชียงใหม่ จากนั้นเริ่มทำงานรับราชการ กระทั่งไม่กี่ปีต่อมา จึงลาออก

     

    หลังลาออกจากงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ในปี 2520 จรัล และพี่น้องตระกูลมโนเพ็ชร เริ่มผลิตผลงานที่ต่อมาจะกลายเป็น “ตำนาน” ของเพลงโฟล์คซองคำเมือง เป็นที่รู้จักไปทั่วผืนปฐพีไทย

     

    3 กันยายน 2544

    จรัล มโนเพ็ชร เสียชีวิต ที่บ้านดวงดอกไม้ ลำพูน การจากไปอย่างปัจจุบันทันด่วน ไร้คำร่ำลา กลายเป็นความอาลัยถวิลหาอย่างสุดซึ้งจากผู้คนมากมาย ทั้งใกล้.. ไกล ผลงานที่เขาสร้างสรรค์ไว้ กลายเป็น “ตำนาน” อย่างถาวร

     

    กว่า 20 ปี ที่เขาจากไป ความทรงจำที่ผู้คนมี ทั้งต่อตัวเขา ต่องานดนตรี งานบันเทิงที่เขาสรรสร้างเพื่อจรรโลงใจ หาได้จางหายไปกับกาลเวลา ในวาระสำคัญที่ภาคประชาชนนำโดยกลุ่มคนที่เรียกตนเองว่า คณะกรรมการจรัลรำลึกจะร่วมกันเปิด “ข่วงอ้ายจรัล” อันเป็นที่ตั้งของประติมากรรมขนาดเท่าตัวจริงของจรัล มโนเพ็ชร ในวันเริ่มต้นของศักราชใหม่ 2565 วารสารสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงขอร่วมจารึกบันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญนี้ไว้ด้วย

     

    1 มกราคม 2565

    จรัล มโนเพ็ชร ได้เกิดใหม่ ที่ “ข่วงอ้ายจรัล” ในสวนสาธารณะบวกหาด ของเมืองเชียงใหม่ ไม่ไกลจากย่านประตูเชียงใหม่ บ้านเกิดของศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนดินล้านนา

     

    นอกจาก บทความเกียรติยศ “จรัล มโนเพ็ชรกับแผ่นดินล้านนา” ของศาสตราจารย์ เกียรติคุณ ธเนศวร์ เจริญเมือง วารสารสังคมศาสตร์ฉบับนี้ ยังมีบทความวิชาการที่น่าสนใจ ให้ผู้อ่านได้ติดตามความรู้ความเคลื่อนไหวในโลกวิชาการ เช่นเคย ว่าด้วยเรื่อง “ความหวัง อาหาร และรัฐการเงิน”

     

     

    ของกิ๋นบ้านเฮา      เลือกเอาเตอะนาย

    เป็นของพื้นเมือง    เป็นเรื่องสบาย

    ล้วน สะปะ มากมี

     

    อาหาร ไม่ว่าจะขายข้างทาง หรือบนห้างหรู ล้วนเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้คนต้องกิน ต้องหา ไม่ว่าจะได้มาฟรีๆ หรือเป็น ของกิ๋นคนเมือง (2520) ที่เสาะหาได้ง่าย ตามไร่นา ป่าดอย ห้วยหนอง จนไปถึงหาไม่ได้ แต่ต้องตามซื้อ ตามหา ในระบบของความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะขายข้างทาง หรือบนห้างหรู จนเมื่อการแลกเปลี่ยนไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของเศรษฐศาสตร์ มูลค่าของอาหาร ที่จะมาก จะน้อย จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับระบบตลาดเสมอไป

     

    แต่ก่อนอยู่เมือง    

    เหนือ เวียง เจียงใหม่ดู
    ปางมาอยู่ ในเมืองหลวง      

    อู้จะได ว่าจะดี
    จะเอาสไตล์         

    ต้องมี สตางค์เป็นกอง
    ก่อนว่าเฮา ใส่เงินใส่ทอง      

    รับรองว่าเฮา มีศักด์ มีศรี

    แบกดินแบกทราย  

    ดิ้นไป ดิ้นมา หาตังค์
    ปอได้เงิน บ่มีคนจัง เงินมันดัง ในปฐพี

     

    เงิน เจ้า ป่อ เงิน    คนทำมา หาเงิน    กัน ม่วนขนาด...

     

    เงินตรา คือระบบของการแลกเปลี่ยนที่รัฐต้องผูกขาดควบคุม การขยายอำนาจ การสถาปนาการปกครองของรัฐ สกุลเงินหรือระบบเงินตรา จึงไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความมั่งคั่ง หรือชีวิตที่ต้องดิ้นรนจน “ม่วนขนาด” ในเพลงสะท้อนสังคมเงินตราของจรัลและคณะ (2533) ทว่าคือความมั่นคงที่รัฐจำเป็นต้องมี เพื่อควบคุม จัดระเบียบความสัมพันธ์ทั้งระหว่าง คนกับคน คนกับรัฐ รัฐกับองค์การ จนไปถึงรัฐกับโลก การจัดการระบบสกุลเงิน จนมาถึงสินทรัพย์ดิจิทัล ที่กำลังเป็นกระแสสารใหม่อยู่ในปัจจุบัน จึงล้วนสะท้อนให้เห็นว่ารัฐกับเงินนั้นไม่อาจแยกขาดออกจากกันได้

     

    ความฝันของวันนี้ อย่าคิดว่าไม่มีความหมาย หากไม่เลื่อนลอย งมงาน ไร้จุดยืน

    กับความหวังที่หลุดไป อย่าคิดว่าไม่มีวันกลับคืน หากมัวเสียใจขมขื่น อาจจะสายเกิน

    เธอฝัน เพราะเธอหวัง ก็หวังให้จริงจังอีกต่อไป ตรายใดที่ยังหายใจ ไม่ควรท้อเลย

     

    ในโลกที่เต็มไปด้วยภัยพิบัติ ความวุ่นวาย หายนะ กลายเป็นภาวะเสี่ยงของชีวิตรายวัน ความขัดแย้ง กลายเป็น วงจรปกติ การแสวงหาสิ่งที่เรียกว่า “ความหวัง” ซึ่งเดิมดูเหมือนจะเป็นเรื่องระหว่างความจริงกับความฝัน ทว่าได้กลายเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันไปเสียแล้ว แม้แต่ในโลกของวิชาการ

     

    ความหวัง ไม่ได้เป็นเรื่องเพ้อพกของศิลปิน หรือบทกวีพาฝัน ที่เราอาจเคยฟัง จรัล มโนเพ็ชร ขับขานใน ความหวัง ความฝัน ของวันนี้ (2541) อีกต่อไป

  • หลากชีวิต โควิด-19 วัฒนธรรม
    Vol. 33 No. 1 (2021)

    วารสารสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เดินทางเข้าสู่ปีที่ 33 แล้วครับ ฉบับนี้รวมบทความ หลากรส หลากหลาย จากคนเขียนหลากกลุ่ม แม้ไม่ถึงกับข้ามสายพันธุ์ เนื้อหาเป็นเช่นใด บรรณาธิการ ขอพาสำรวจแบบรวบรัดตัดตอนโดยพลัน

     

    พิพิธภัณฑ์ – จีนเปอรานากัน

    พิพิธภัณฑ์ ซึ่งเป็นผลผลิตแห่งยุคสมัยอาณานิคม อันเต็มไปด้วยการปฏิวัติความรู้ เทคโนโลยีและอุตสาหกรรม อาจเป็นเรื่องของรัฐ หรือสถาบันความรู้กับจัดการศิลปวัถตุ รวมจนไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่น รวมจนไปถึงมนุษย์สายพันธุ์เดียวกันทว่าต่างกลุ่ม ต่างอารยะธรรมชาติพันธุ์ การเกิดขึ้นของพิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์ในปัจจุบัน (ในบทความของ นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ) กลับเผยให้เราเห็นว่า พิพิธภัณฑ์ นั้นมิได้เป็นเพียงพื้นที่ของการจัดแสดงจารีตนิยมและภูมิปัญญาของคนท้องถิ่น หรือการที่รัฐทำให้กลุ่มชาติพันธุ์เปลียนจากสภาพด้อยพัฒนาสู่ความทันสมัยก้าวหน้า หากแต่เป็น พื้นที่แห่งความทรงจำ อันเป็นความทรงจำร่วม ที่มุ่งต่อสู้ โต้ตอบ และเคลื่อนไหว ในนามของการสร้างชาติและความเป็นชาติพันธุ์

     

    พิพิธภัณฑ์ หรือพื้นที่จัดแสดงวัฒนธรรมของชาวจีนเปอรานากันในรัฐกลันตัน (ในบทความของ พุทธิดา กิจดำเนิน) นับเป็นปรากฏการณ์ตัวอย่างสำคัญ เมื่อพวกเขากลายเป็นกลุ่มคนที่ต้องเผชิญปัญหา “วิกฤติอัตลักษณ์” หรือสภาวะตัวตนที่คลุมเครือ เมื่อชีวิตที่เป็นชีวิตขึ้นมาได้นั้น เกิดจากการผสมผสานทางวัฒนธรรมกับชาวมลายูและชาวสยามกลันตัน (ในประเทศมาเลเชีย) เกิดอะไรขึ้น เมื่อความเป็นจีนของของพวกเขาถูก “คนอื่น” มองว่า “ไม่เป็นจีน” การปรับเปลี่ยนวิธีการนำเสนอตัวตนใหม่ การสร้างเรื่องเล่า การเน้นความเป็นจีนดั้งเดิม การผลิตซ้ำความเป็นจีนแบบฮกเกี้ยน จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็น และมี พิพิธภัณฑ์ เป็นกลไกสำคัญในการเปิดพื้นที่ให้ชีวิตอยู่ร่วมกับชีวิตได้

     

    โควิด-19

    หากเปรียบให้ “โควิด-19” เป็นดั่งสิ่งที่กำลังทำให้นาฬิกาโลกหยุดเดิน การแพร่ระบาดของไวรัสที่กลายพันธุ์จากสัตว์สู่มนุษย์ จนกลายเป็นโรคระบาดที่แพร่กระจายติดกันไปเกือบทั้งโลก โลกมนุษย์ภายใต้สถานการณ์ที่เต็มไปด้วยโรคระบาด ที่ยังไม่ทีท่าว่าจะหยุดยั้งได้จึงกลายเป็นโลกที่เผยให้เราเห็นความแตกต่างหลากหลาย ไม่เท่าเทียม เอารัดเอาเปรียบ  มากกว่าจะเป็นโลกที่มนุษย์ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน กระนั้นสำหรับคนอีกหลายกลุ่ม การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งนำไปสู่กลไกการกำกับควบคุมตนเองและที่รัฐสั่งการ ในนามของการสกัดกั้นและคัดกรอง อาจกลับกลายเป็นทั้ง วิกฤตและโอกาส ไปในคราเดียวกัน สำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า (ในบทความของปรมินทร์ ตั้งโอภาสวิไลสกุล) ซึ่งทุกวันนี้มีทั้งคนหนุ่มสาวและคนทุกเพศวัย การระบาดของโควิด-19 อาจเปลี่ยนชีวิตให้กลายเป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยสภาวะทุกข์ทน ทว่าอีกหลายคน ความทุกข์ทนอันเป็นผลมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 กลับเปลี่ยนเป็นเวลาแห่งการทบทวน เสมือนการแสวงหาตัวตนและความหมายของการมีชีวิต จนอาจไม่ต่างไปจากการที่บรรดานักบวช ฝึกฝน ปฏิบัติตนเพื่อมุ่งสู่การบรรลุมรรคผลในทางธรรม จนนำไปสู่การรื้อฟื้นชีวิต รื้อสร้างความสัมพันธ์ขึ้นมาใหม่ได้

     

    เกมและการสะสม

    เมื่อเกมกลายเป็นกีฬา (ดังปรากฏในบทความของ รวิโรจน์ ไทรงาม) ทว่ากีฬาที่ใช้เกม ก็ยังเป็นเรื่องของ “การเล่น” มากกว่าการออกกำลังกาย การเล่นเกมคอมพิวเตอร์ซี่งปัจจุบันต้องอาศัยทั้งทักษะ อุปกรณ์ และเครื่อข่ายการสื่อสาร นอกจากจะส่งผลต่อรูปแบบการใช้เวลาว่างของผู้คน การเล่นเกม ยังกลายเป็นพื้นที่ของการหลีกหนีจากความวุ่นวายของชีวิตทางกายภาพ สู่โลกแห่งความสุข สนุกสนาน ที่แม้จะเป็นความสุขแบบพลาสติค หรือความสุขที่จะเข้าถึงได้ก็ต่อเมื่อมนุษย์มี “อุปกรณ์” จนอาจกล่าวได้ว่าล้วนเป็นการบริโภคความสุขที่ไม่มีวันสิ้นสุด ประหนึ่งเพศรสที่ไม่ว่าจะ “เข้าถึง” ด้วยความสัมพันธ์แบบใด มนุษย์กับมนุษย์ หรือมนุษย์กับ “ตัวช่วย”? ด้วยเหตุนี้ อุตสาหกรรมเกม ซึ่งถือว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมบันเทิงทั้งปวง จึงเป็นธุรกิจการค้าที่มุ่งเสนอขาย “ความสุขแบบไม่รู้จบ” อันเป็นความสุข ความปรารถนาเทียม ที่ผลิตออกมากระจาย หล่อเลี้ยงให้ทุนนิยมมีชีวิตและก้าวเดินต่อไปได้ชั่วกัปชั่วกัลป์ ในโลกแบบนี้ ชีวิตมนุษย์ที่ดูเหมือนว่าจะเลือกบริโภคได้ตามใจปรารถนา (จากดิจิตที่ไหลผ่าน แตกกระจายอยู่ในวงจรอุตสาหกรรมเกมและความบันเทิง) เอาเข้าจริงจึงถูกปิดบัง อำพราง ปัญหาการกดขี่ขูดรีดของทุนนิยมดิจิทัล ซึ่งก่อร่างสร้างขึ้นมา ด้วยความปรารถนาและความสุขแบบลวงหลอกที่ “ล่อลวง” มนุษย์อยู่นั่นเอง

     

    กระนั้นความสุขของมนุษย์ก็ไม่ได้มีแต่เพียงเรื่องของการได้ “เล่น” และเพศรส ทว่ายังอาจมาจากการสะสม ครอบครอง การเป็นเจ้าของ (ดังที่ นิติ ภวัครพันธุ์ ปริทัศน์ไว้อย่างลุ่มลึกและน่าติดตาม) ในแง่นี้การสะสมนอกจากจะเป็น “วัฒนธรรม” ที่ต้องการทักษะความรู้ หลายกรณียังต้องอาศัยอำนาจ การเข้าถึงอำนาจ จนไปถึงการสร้างสถาปนาอำนาจ และบารมีจากการสะสม ในแง่นี้สำหรับมนุษย์บางสายพันธุ์ การเก็บสะสม จึงยังกลายเป็นเรื่องของการพักผ่อนหย่อนใจและการเข้าถึง “ความสุข” ไปในเวลาเดียวกัน

  • สู่โลก POSTHUMAN
    Vol. 32 No. 2 (2020)

    โลกหลังมนุษย์ (The Posthuman World)  คือสภาวะแห่งจุดตัดของการเชื่อมประสานระหว่าง กระแสความคิดที่มุ่งวิพากษ์วิจารณ์การมองมนุษย์เชิงมนุษย์นิยมตามอุดมคติแบบเก่า และ กระแสความเคลื่อนไหวซึ่งมุ่งวิพากษ์วิจารณ์แนวคิดที่แบ่งแยกมนุษย์ออกจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ และยกให้มนุษย์อยู่เหนือสิ่งอื่นใด วิธีคิดแบบหลังมนุษย์คือเครื่องมือที่จะสำรวจตรวจตราและนำพาเราสืบสวนตรวจสอบสรรพสิ่งต่างๆ ในสภาวการณ์ที่โลกและสิ่งมีชีวิตทั้งหลายกำลังจะสูญพันธุ์ ถูกทำลายล้างโดยการคุกคามของเทคโนโลยีก้าวหน้า สภาวะปั่นป่วนของบรรยากาศโลก ธรรมชาติผิดฤดูกาล และโรคอุบัติใหม่ จนไปถึงทุนนิยมครองโลก ซึ่งมนุษย์แทบไม่มีโอกาสใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอีกต่อไป

    วารสารสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ฉบับนี้ รวมเอาบทความวิชาการทั้งเป็นผลส่วนหนึ่งของกระแสความเคลื่อนไหวของสังคมศาสตร์แบบหลังมนุษย์ คือ “เส้นชีวิตระหว่างลิงกังกับคนเลี้ยงลิง: สู่พื้นที่แบบหลังมนุษย์นิยมแห่งการอยู่อาศัยและการกลาย” ของ พัชราภรณ์ จักรสุวรรณ์ และ ชยา วรรธนะภูติ การศึกษาระหว่างมนุษย์กับรัฐ ซึ่งจะเรียกว่า “อมนุษย์” ก็คงได้ ในบทความเรื่อง “การพยายามสร้างสภาวะยกเว้นจากการบังคับใช้อำนาจรัฐของม้งในประเทศไทย” ของ อุไร ยังชีพสุจริต จนไปถึงงานวิชาการที่เรียกว่า “อมนุษย์ศึกษา” ใน “ป้ายรถเมล์กายสิทธิ์: วัตถุจำแลงของการเมืองในชีวิตประจำวันต่อโครงสร้างระบบขนส่งมวลชนสาธารณะในกรุงเทพมหานคร” ของ วิสุทธิ์ เวชวราภรณ์ และชีวิตแรงงานภายใต้สถานการณ์โควิด 19 ของ กฤษฎา ธีระโกศลพงศ์ ใน “บทบาทของมาตรฐานแรงงานสากลในการจัดการทรัพยากรมนุษย์และการทำงานทางไกลระหว่างโคโรนาไวรัสแพร่ระบาด” แน่นอนว่า สังคมศาสตร์วิชาการที่ตระหนักถึงความเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลงในสังคมยังคงจำเป็นอยู่เช่นกัน ดังสะท้อนผ่านบทความPolitical Communication via Social Media: Future Forward Party’s Message Appeals and Media Format Usage on Facebook and Twitter and Links to Political Participation of Generation Z Audiences” ของ อัจฉรียา ประสิทธิ์วงศา และ อัจฉรา ปัณฑรานุวงศ์

    สังคมศาสตร์ ฉบับนี้ถือเป็นงานส่งท้ายปี 2563 ปีที่มนุษย์เผชิญกับความปั่นป่วนจากการแพร่ระบาดของโรคอุบัติใหม่ COVID 19 กันไปทั่วโลก จะว่าไป ปีที่กำลังจะผ่านไปนี้ คือปีแห่งการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ “โลกหลังมนุษย์” โดยแท้ หวังว่า ผู้อ่าน คงจะได้รับทั้งความรู้และอรรถรสเชิงวิชาการทั้งแบบเดิมและแบบใหม่ ซึ่งวารสารสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ยืนหยัดที่จะนำเสนอสู่บรรณพิภพอย่างมั่นคงเสมอมา

  • เมืองดิจิทัล แรงงาน มานุษยวิทยาดนตรี
    Vol. 32 No. 1 (2020)

    เมืองดิจิทัล คือมโนทัศน์ที่สร้างขึ้นเพื่อทำความเข้าใจ การที่ชีวิตทางสังคมของผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองถูกทำให้มีความเป็นดิจิทัล ต้องพึ่งพาระบบดิจิทัลมากขึ้น ชีวิตทางสังคมของผู้คนในเมือง กำลังได้รับการวางโครงสร้างใหม่ผ่านกิจกรรมและเครือข่ายการสื่อสารแบบดิจิทัล สื่อดิจิทัลได้กลายมาเป็นตัวกำหนดโครงสร้าง รูปแบบของกรดำเนินชีวิตของมนุษย์ โดยเฉพาะที่อาศัยใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ที่เราเรียกว่า เมือง

    การใช้ชีวิตในเมืองดิจิทัล จึงเป็นชีวิตทีกำลังถูกจัดระเบียบและวางโครงสร้างความสัมพันธ์แบบใหม่ ซึ่งอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัล ความสำคัญของเนื้อหาข่าวสาร ที่สื่อสารและบริโภคในชีวิตประจำวัน

  • ความหลากหลายกับนโยบายทางสังคม
    Vol. 31 No. 2 (2019)

    คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เราจะมองว่า สาเหตุของความเหลื่อมล้ําในสังคมไทย ท่ามกลางการเกิดขึ้นของสถานการณ์ความยากลำบากของคนกลุ่มน้อย (Minorities) คนด้อยโอกาส (Disadvantaged people) และหรือ คนที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงสิทธิ และโอกาสที่พวกเขาต้องเผชิญกันอย่างหนักหน่วง เมื่อเปรียบเทียบกับคนกลุ่มอื่น ๆ ในสังคม ว่าแท้จริงแล้ว โดยรากฐานของความเหลื่อมล้ำเหล่านั้น ล้วนแล้วแต่ เกิดขึ้นมาจากความสัมพันธ์เชิงอำนาจ (Power relations) ที่ถูกประกอบสร้างขึ้น ในสังคมไทย มาอย่างต่อเนื่องและโดยแยบยลทั้งสิ้น

    ในขณะที่ความหลากหลายทางสังคมวัฒนธรรม (Multiculturalism) ทั้งใน รูปแบบต่างๆ รวมถึง อายุ เพศภาวะ สถานภาพสมรส ชนชั้น และหรือ ชาติพันธุ์ ฯลฯ ถูกพิจารณาและตระหนักถึง ทั้งในการกำหนดประเด็นทางสังคมเพื่อถกเถียง อภิปรายร่วมกันเพื่อหาข้อสรุปรวมถึงความพยายามจะจัดการกับประเด็นเหล่านั้น ในลักษณะของการนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาในหลายระดับ รวมถึงในระดับ ของการริเริ่มนโยบายทางสังคม (Social policy)

  • คน ช้าง แรงงาน การควบคุม/เคลื่อนย้ายในโลกสมัยใหม่
    Vol. 31 No. 1 (2019)

    วารสารสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ก้าวเดินเคลื่อนย้ายผ่านทศวรรษที่สามไปเรียบร้อยแล้ว กว่าทศวรรษที่ผ่านมา ท่ามกลางความขัดแย้งที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะ “ลงเอย” อย่างไรในสังคมไทย และการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกที่ว่ากันว่าคือ “ยุคสมัยแห่งความปั่นป่วน” (The Disruptive World) เป็นยุคสมัยที่ผู้ซึ่งรู้และปรับเปลี่ยนได้เท่าทันเท่านั้นคือ “ผู้ที่(จะ)อยู่รอด” เรายืนหยัดและยังคงยืนยันว่าจะเป็นพื้นที่วิชาการ ซึ่งเปิดกว้างแก่ความแตกต่างหลากหลาย และเปิดใหม่เผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงท้าทายอย่างวิพากษ์วิจารณ์ เพื่อสืบสานปณิธานภารกิจอันพึงมีของ “สังคมศาสตร์เพื่อสังคม”

  • Cross-border Trade and Human Security
    Vol. 30 No. 2 (2018)

    บทความในวารสารฉบับนี้ สะท้อนภาพของการค้าชายแดนในยุคปัจจุบันที่ยังมีความไม่ลงรอยกันระหว่างการเปิดการค้าและการลงทุนอย่างเสรีที่เอื้อต่อการเคลื่อนย้ายของทุน สิ่งของและข้อมูลข่าวสาร กับการปิดกั้นการเคลื่อนย้ายข้ามแดน ของสิ่งเหล่านี้ด้วยนโยบายความมั่นคงของชาติที่ยึดเอาหลักอธิปไตยเหนือดินแดน เป็นแนวปฏิบัติ นอกจากนี้ยังให้ข้อพิจารณาว่า ท่ามกลางการค้าชายแดนที่เพิ่มปริมาณมากขึ้นอันเนื่องจากการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการสร้างกฎระเบียบพิเศษนั้น ผลประโยชน์ที่ได้รับตกแก่ประชาชนในท้องถิ่นชายแดนมากน้อยแค่ไหน เมื่อเทียบกับนายทุนต่างชาติและระดับชาติ ทั้งนี้ บทความได้มีข้อเสนอแนะไปในทิศทางเดียวกัน นั่นคือควรจะทําให้ความมั่งคั่งและมั่นคงของชาติเอื้อประโยชน์หรือเป็นไปในทิศทางเดียวกับการสร้างความมั่นคงของมนุษย์ซึ่งหมายถึงการมีสิทธิเสรีภาพในการตอบสนองความจําเป็นพื้นฐาน มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การดํารงอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี และได้รับความเป็นธรรม

1-10 of 32