การศึกษาและการปฏิบัติการการเมืองในพื้นที่พิเศษ: ศูนย์การเรียนในพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานศึกษาหลายชิ้นปัจจุบัน จัดวางแม่สอดในฐานะ “พื้นที่พิเศษ” (Zone of Exception) ซึ่งมีนัยว่าองค์อธิปัตย์ ใช้กฎหมายและกฎระเบียบในมือ เพื่อควบคุมและกำกับการปฏิบัติการทางเศรษฐกิจ การเคลื่อนย้ายผู้คนและ สินค้าในพื้นที่ได้ไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพราะกลุ่มอำนาจอื่น ๆ ในท้องถิ่นชายแดน สามารถเข้าถึงผลประโยชน์เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากกว่าเมื่ออำนาจรัฐ ได้รับการละเว้นและหรือถูกหยิบใช้อย่างมีเงื่อนไข บทความนี้ ได้ตั้งคำถามกับการประยุกต์ใช้ มโนทัศน์ “Zone of Exception” เพื่อทำความเข้าใจประเด็นการศึกษาของเด็กข้ามชาติในพื้นที่แม่สอด ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับการศึกษาจากศูนย์การเรียนที่ไม่มีสถานะทางกฎหมาย เด็กข้ามชาติในศูนย์การเรียน จึงถูกทอนสิทธิการศึกษา ซึ่งรัฐไทยได้ผูกพันมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2548 บทความนำเสนอกระบวนการที่รัฐในพื้นที่ควบคุมและกำกับศูนย์การเรียนซึ่งพบว่ามีทั้งการ เบียดขับออกจากพื้นที่ที่มีกฎหมายรองรับ ควบคู่ไปกับการตรึงศูนย์การเรียนให้อยู่ในพื้นที่รอยต่อระหว่างมีและไม่ตัวตนทางกฎหมาย รวมทั้งการต่อสู้ ดิ้นรนของศูนย์การเรียนเพื่อสถาปนาพื้นที่ปฏิบัติการการศึกษาเพื่อสืบทอด วัฒนธรรมและอุดมการณ์การเมือง ในแง่นี้แสดงว่าพื้นที่พิเศษสามารถเปิดให้การเมืองของคนชายขอบเข้าสู่การเมืองรัฐในชายแดน ซึ่งมีเป็นเช่นนั้นแล้ว เด็กข้ามชาติส่วนใหญ่ยังคงถูกทอนสิทธิและโอกาสการศึกษา บทความนี้ เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยที่ผู้เขียนศึกษานโยบายรัฐไทยและการปฏิบัติการ เพื่อตอบโต้กับการขยายตัวศูนย์การเรียน โดยจัดเก็บข้อมูลจากศูนย์การเรียนจำนวน 12 ศูนย์ ในพื้นที่แม่สอดและภาคีหุ้นส่วน ระหว่างเดือนสิงหาคม และเดือนธันวาคม พ.ศ. 2554 การจัดเก็บข้อมูลได้ใช้การสัมภาษณ์และ สังเกตการณ์แบบไม่มีส่วนร่วม
Article Details
ข้อเขียนทั้งหมดทีปรากฏในวารสารสังคมศาสตร์ เป็นความคิดเห็นของผู้เขียนโดยเฉพาะ มิใช่ทัศนคติของคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หรือกองบรรณาธิการวารสารสังคมศาสตร์