การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของครัวเรือนและความอยู่ดีมีสุขระดับปัจเจกบุคคล: กรณีศึกษาผู้สูงอายุในเขตกรุงเทพมหานคร (AN EXPLORATORY STUDY OF THE RELATIONSHIP BETWEEN HOUSEHOLD SIZE AND INDIVIDUALS’ SUBJECTIVE WELL-BEING IN CASE OF ELDERLY’S LIVING IN BAN

ผู้แต่ง

  • ณัฐญา ประไพพานิช คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

คำสำคัญ:

ขนาดของครัวเรือน, ความอยู่ดีมีสุข, ผู้สูงอายุ

บทคัดย่อ

การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของครัวเรือนและความอยู่ดีมีสุขระดับปัจเจกบุคคลเจาะจงกรณีศึกษาผู้สูงอายุในเขตกรุงเทพมหานครซึ่งมีอายุ 60 ปีขึ้นไป ใช้ข้อมูลปฐมภูมิโดยเก็บข้อมูลผ่านแบบสอบถามจากผู้สูงอายุ จำนวน 400 คน การศึกษานี้ใช้ Generalized Order Logit พบว่าขนาดของครัวเรือน จำนวนบุตร เพศหญิง อายุ รายได้สูง สุขภาพที่ดี การมีงานทำ มีความสัมพันธ์ทางบวกต่อความอยู่ดีมีสุขของผู้สูงอายุ ส่วนปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ทางลบต่อความอยู่ดีมีสุขของผู้สูงอายุ คือ ความรู้สึกว่าตนเองมีหนี้สินมาก เมื่อทราบถึงความสัมพันธ์ของปัจจัยต่างๆ แล้วนั้นจะสามารถนำไปเป็นข้อมูลที่สำคัญในการเตรียมพร้อมต่อการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์และใช้ในการค้นหาแนวทางที่เหมาะสมที่สุดในการพัฒนาความอยู่ดีมีสุขของผู้สูงอายุ จากผลของการศึกษานี้จึงเสนอแนะให้ภาครัฐให้ความสำคัญกับขนาดของครัวเรือนและการมีบุตรหลาน ผลักดันให้ครอบครัวมีบุตรเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะคู่สมรสที่เพิ่งแต่งงานหรือยังไม่มีการวางแผนที่จะมีบุตร นอกจากนั้นสมาชิกในครอบครัวควรกลับมาอยู่บ้านกับผู้สูงอายุ ให้ความเข้าใจและความเคารพนับถือแก่ผู้สูงอายุ เอาใจใส่ดูแลผู้สูงอายุบนพื้นฐานของความรักและความกตัญญู

Downloads

Download data is not yet available.

เอกสารอ้างอิง

[1] สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2557). การสำรวจประชากรสูงอายุในประเทศไทย พ.ศ. 2557. สืบค้นเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2560, จาก http://service.nso.go.th/nso/nsopublish/themes/files/elderlywork
FullReport57-1.pdf
[2] ศุภเจตน์ จันทร์สาส์น. (2556, มกราคม-มิถุนายน). ความอยู่ดีมีสุขของผู้สูงอายุในครอบครัวสูงวัยในประเทศไทย. วารสารปัญญาภิวัฒน์. 4(2): 92-103.
[3] วัชรี ด่านกุล. (2557). การแลกเปลี่ยนระหว่างสมาชิกต่างรุ่นในครอบครัวต่อความอยู่ดีมีสุขของผู้สูงอายุ: กรณีศึกษาตำบลไหล่น่าน อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน. วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิต. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย).
[4] Yamane, T. (1967). Statistics: An Introductory Analysis. 2nd Ed. New York: Harper and Row.
[5] รศรินทร์ เกรย์; ปังปอนด์ รักอำนวยกิจ; และ ศิรินันท์ กิตติสุขสถิตย์. (2549). ความสุขบนความพอเพียง: ความมั่นคงในบั้นปลายชีวิต. นครปฐม: สำนักพิมพ์ประชากรและสังคม.
[6] นิศานาถ ถิ่นทะเล. (2550). การวัดระดับความสุขของประชาชน: กรณีศึกษาเขตพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลยาวน้อย อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา. รายงานการศึกษาอิสระรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต. (การปกครองท้องถิ่น). ขอนแก่น: วิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
[7] พิริยะ ผลพิรุฬห์; และ ปังปอนด์ รักอำนวยกิจ. (2550). ความสุขกายสบายใจของคนเมือง. นครปฐม: สำนักพิมพ์ประชากรและสังคม.
[8] พิริยะ ผลพิรุฬห์; และ ปังปอนด์ รักอำนวยกิจ. (2551). ความสุขจากทุนทางสังคม: กรณีศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างในจังหวัดกาญจนบุรี. นครปฐม: สำนักพิมพ์ประชากรและสังคม.
[9] Layard, R. (2005). Happiness: lessons from a new science. New York: The Penguin Press.
[10] กิติยวดี สีดา; ดุษฎี อายุวัฒน์; และ มณีมัย ทองอยู่. (2551). ครอบครัววัยรุ่นชนบทอีสานในยุคโลกาภิวัตน์. ใน บทความเสนอในการประชุมวิชากรประชากรศาสตร์แห่งชาติ. กรุงเทพฯ: สมาคมนักประชากรไทย.
[11] กุศล สุนทรธาดา. (2552). รูปแบบครอบครัวกับการเกื้อหนุนและสวัสดิการผู้สูงอายุ. ใน ประชากรและสังคม 2552: ครอบครัวไทยในสถานการณ์เปลี่ยนผ่านทางสังคมและประชากร. ชาย โพธิสิตา; และ สุชาดา ทวีสิทธิ์, บรรณาธิการ. นครปฐม: สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล.
[12] Easterlin, Richard A. (2003). Explaining Happiness. Proceedings of the National Academy of Science (PNAS). 100(19): 11176-11183.
[13] Easterlin, Richard A. (2006). Life cycle happiness and its sources. Intersections of psychology, economics and demography. Journal of Economic Psychology. 27: 463–482.
[14] Helliwell, John F. (2003). How's life? Combining individual and national variables to explain subjective well-being. Economic Modelling. 20: 331-360.
[15] Helliwell, John F. (2006). Well-being, social capital and public policy: What’s new?. Economic Journal. 116: C34–C45.
[16] Helliwell, John F. & Robert D. Putnam. (2004). The social context of well-being. Philosophical Transactions of the Royal Society London. 359: 1435-1446.
[17] Margolis, R. & Myrskylä, M. (2011). A global perspective on happiness and fertility. Population and Development Review. 37(1): 29-56.
[18] Oswald, Andrew J. (2008). On the curvature of the reporting function from objective reality to subjective feelings. Economics Letters. 100(3): 369-372.
[19] Peiro, A. (2006). Happiness, satisfaction and socio-economic conditions: some international evidence. The Journal of Socio-Economics. 35: 348-365.
[20] Powdthavee, N. (2009). Think having children will make you happy. The Psychologist. 22(4): 308-310.
[21] Rojas, M. (2007). Life satisfaction and satisfaction in domains of life: is it a simple relationship?. Journal of happiness studies. 7(4): 467-497.
[22] Gujarati, Damodar N. (2004). Basic Econometric. 4th ed. NewYork: The McGraw-Hill Companies.
[23] Myrskylä, M. & Margolis, R. (2014). Happiness: before and after the kids. Demography. 51(5): 1843-1866.
[24] Schwartz, Ariel. (2015, October 2). People aren’t having babies in Denmark so they made this hilariously provocative ad. Business Insider. Retrieved March 29, 2017, from http://www.businessinsider.com/do-it-for-denmark-ad-campaign-to-encourage-pregnancy-2015-10

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2018-08-17

รูปแบบการอ้างอิง

ประไพพานิช ณ. (2018). การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของครัวเรือนและความอยู่ดีมีสุขระดับปัจเจกบุคคล: กรณีศึกษาผู้สูงอายุในเขตกรุงเทพมหานคร (AN EXPLORATORY STUDY OF THE RELATIONSHIP BETWEEN HOUSEHOLD SIZE AND INDIVIDUALS’ SUBJECTIVE WELL-BEING IN CASE OF ELDERLY’S LIVING IN BAN. วารสารศรีนครินทรวิโรฒวิจัยและพัฒนา สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 10(19, January-June), 46–58. สืบค้น จาก https://so04.tci-thaijo.org/index.php/swurd/article/view/140725