การท่องเที่ยวเชิงแสวงบุญทางพระพุทธศาสนา อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี THE BUDDHIST PILGRIMAGE TOURISM IN CHAIYA DISTRICT, SURAT THANI PROVINCE
คำสำคัญ:
การท่องเที่ยวเชิงแสวงบุญ, การท่องเที่ยวเชิงแสวงบุญทางพระพุทธศาสนา, การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมบทคัดย่อ
ดุษฎีนิพนธ์เรื่อง “การท่องเที่ยวเชิงแสวงบุญทางพระพุทธศาสนา อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี” มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ 1) เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาของพุทธสถานเพื่อการท่องเที่ยวเชิงแสวงบุญ อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี 2) เพื่อศึกษาปัญหาและอุปสรรคของพุทธสถานเพื่อการท่องเที่ยวเชิงแสวงบุญทางพระพุทธศาสนา อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี 3) เพื่อศึกษาการท่องเที่ยวเชิงแสวงบุญทางพระพุทธศาสนา อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพโดยเก็บข้อมูลจากเอกสารและการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-Depth Interview)
ผลการวิจัยพบว่า เมืองไชยาเคยเป็นอาณาจักรเก่าแก่ที่มีกษัตริย์ปกครอง นับถือพระพุทธศาสนาแบบเถรวาท ต่อมาประมาณพุทธศตวรรษที่ 13-16 อาณาจักรศรีวิชัยได้เกิดขึ้นภายใต้การปกครองของราชวงศ์ไศเลนทร์ ซึ่งนับถือพระพุทธศาสนาแบบมหายาน หลักฐานที่เป็นเครื่องยืนยันความเคารพศรัทธาในคติแบบมหายาน คือ รูปเคารพพระโพธิสัตว์ ซึ่งมีทั้งทำด้วยสำริดและแกะสลักด้วยศิลา อีกทั้งมีการสร้างพุทธสถานแบบมหายาน มีหลักฐานปรากฏร่องรอยให้ศึกษาได้ 4 แห่ง คือ 1) วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร 2) วัดรัตนาราม (วัดแก้ว) 3) วัดหลง 4) วัดธารน้ำไหล (สวนโมกขพลาราม)
สภาพปัญหาและอุปสรรคของพุทธสถานเพื่อการท่องเที่ยวเชิงแสวงบุญทางพระพุทธศาสนา อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีอยู่ 3 ด้าน คือ 1) ปัญหาด้านบุคลากร คือการขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจในการประยุกต์ประวัติศาสตร์และพระพุทธศาสนา โดยทำ 2 เรื่องให้เป็นเรื่องเดียวกัน และการขาดแคลนวิทยากรหรือผู้บรรยายพระพุทธศาสนาที่มีความรู้ทางประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในท้องถิ่น 2) ปัญหาด้านงบประมาณ คือการขาดงบประมาณในการอบรมวิทยากร มัคคุเทศก์ และเยาวชน ให้มีความรู้ทั้งพระพุทธศาสนา
และประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในท้องถิ่น การขาดงบประมาณในการดูแลรักษาโบราณสถานและการขาดงบประมาณในการจัดการให้โบราณสถานเป็นแหล่งเรียนรู้ 3) ปัญหาด้านการบริหารและการจัดการ คือ ปัญหาในการจัดทำป้ายอธิบายข้อมูลและป้ายบอกทางภายในวัด ซึ่งแต่ละแห่งมีการจัดการที่แตกต่างกัน ปัญหาการจัดการที่มาจากภาครัฐโดยขาดการสนับสนุนประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่เกี่ยวโยงกับชาติและพระพุทธศาสนา
การท่องเที่ยวเชิงแสวงบุญทางพระพุทธศาสนา อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานีมีลักษณะการท่องเที่ยวที่สรุปได้เป็น 3 รูปแบบคือ 1) รูปแบบการท่องเที่ยวแบบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางพระพุทธศาสนา 2) รูปแบบการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา 3) รูปแบบการท่องเที่ยวแบบปฏิบัติธรรม ทั้ง 3 รูปแบบนี้นักท่องเที่ยวได้หลักธรรมสำคัญ คือ ทาน ศีล ภาวนาและปัญญา แต่ระดับความเข้มข้นของหลักธรรมในแต่ละรูปแบบนั้นความเด่นชัดแตกต่างกันไป ถึงกระนั้นรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงแสวงบุญทางพระพุทธศาสนาทั้ง 3 รูปแบบนี้ แสดงออกถึงการบูชาพระรัตนตรัยทั้ง 2 ประการ คือ อามิสบูชาและปฏิบัติบูชา การท่องเที่ยวแบบนี้จึงเป็นการท่องเที่ยวที่ใช้พระพุทธศาสนาเป็นหลัก และเสริมด้วยวิชาการประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในท้องถิ่น
Downloads
เอกสารอ้างอิง
[2] พุทธทาสภิกขุ. (2554). แนวสังเขปของโบราณคดีรอบอ่าวบ้านดอน. กรุงเทพฯ: เม็ดทราย.
[3] นงคราญ ศรีชาย. (2543). โบราณคดีสุราษฎร์ธานี. ไชยา: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ไชยา.
[4] พระภาวนาโพธิคุณ. (โพธิ์ จนฺทสโร). (2560, 2 กันยายน). สัมภาษณ์โดย วนิดา ขำเขียว ที่วัดธารน้ำไหล (สวนโมกขพลาราม) อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี.
[5] มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2539). พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พุทธศักราช 2539. พระสุตตันตปิฏก ฑีฆนิกายปาฏิกวรรค สังคีติสูตร เล่มที่ 11. หน้า 269. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
[6] มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2539). พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พุทธศักราช 2539. พระสุตตันตปิฏก ฑีฆนิกายปาฏิกวรรค สังคีติสูตร เล่มที่ 11. หน้า 271. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
วารสารศรีนครินทรวิโรฒวิจัยและพัฒนา สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ อยู่ภายใต้การอนุญาต Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivs 4.0 International (CC-BY-NC-ND 4.0) เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น โปรดอ่านหน้านโยบายของวารสารสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเข้าถึงแบบเปิด ลิขสิทธิ์ และการอนุญาต