ผลการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์สะเต็มศึกษากับการแก้ปัญหาโดยใช้รูปแบบกิจกรรม 4 WP สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน (STEM LEARNING APPROACH AND PROBLEM SOLVING USING THE 4WP FORMAT FOR MATHAYOMSUKSA III ST)

Authors

  • คณาภรณ์ รัศมีมารีย์ Srinakharinwirot University
  • นันทวรรณ ชื่นชมคุณาธร โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน
  • ศิริลักษณ์ คงมนต์ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน
  • พงศธร นันทธเนศ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน
  • พงศกร ธรรมบุศย์ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน
  • อุมาภรณ์ รอดมณี โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน
  • เสฏฐวุฒิ มุลอามาตย์ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน

Keywords:

STEM Learning Approach, 4WP Format

Abstract

         The purposes of this study were to study STEM learning approach and problem solving using The 4WP format for mathayomsuksa III students, Patumwan Demonstration School, Srinakharinwirot University. The target group of this research were 402 mathayom suksa III students, academic year 2017. Forty-nine students of the specific selection were used as the sample for the STEM learning approach and problem solving using the 4WP format. There were 5 activities, taught in 12 weeks, with 2 periods of 24 periods of 50 minutes each. The data was analyzed by the percentage, mean, standard divation and t-test.

The research findings were as follows:

  1. 1. The results of the study indicated that the STEM learning approach and problem solving using
    the 4WP format attained their efficiency as 76.04/73.21. When considering the percentage of average scores from the test scores during each activity, it was found that Activity 1 Spaghetti Bridge, Activity 2 Dropping Eggs Without Breaking, Activity 3 Tower Wood Sticks, Activity 4 Paper Railroad Tracks, Activity 5 Spaghetti Tower had a mean percentage of 70.92, 82.86, 75.92, 86.53 and 70.00, respectively.
  2. 2. The students' learning achievement after using the STEM learning approach and problem solving using the 4WP format were 73.21% higher than the criterion 70% at the .05 level.
  3. 3. The results of the behavioral evaluation of the group after using the STEM learning approach and problem solving using the 4WP format showed that the working behavior after learning Spaghetti Bridge and Dropping Eggs Without Breaking Activity was good. The working behavior after learning Tower Wood Sticks and Paper Railroad Tracks Activity was very good.


Downloads

Download data is not yet available.

References

[1] สุรศักดิ์ ปาเฮ. (2556). ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 (21st Century Learning Skills). สืบค้นจาก https://research.psru.ac.th/files/res_che2553/resche_files/968_CUnit1
[2] สำนักนายกรัฐมนตรี. (2553). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553. สืบค้นจาก https://www.mwit.ac.th/~person/01-Statutes/NationalEducation.pdf
[3] Robbins. P Stephen. (2001). Organization Behavior. 9th ed. New Jersey: Prentice–Hall.
[4] มนตรี จุฬาวัฒนฑล. (2557). การศึกษาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมและคณิตศาสตร์ หรือ “สะเต็มศึกษา”. สมาคมครูวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี. 41(182), 15-16.
[5] คณาภรณ์ รัศมีมารีย์, และคณะ. (2560). การนำเสนอรูปแบบการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ ของนักเรียนโรงเรียนสาธิตสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาในกรุงเทพมหานคร. กรุงเทพฯ: โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
[6] ล้วน สายยศ, และอังคณา สายยศ. (2540). เทคนิคการวิจัยทางการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.
[7] Bloom, B.S., and Others. (1976). Handbook on Formative and Summative Evaluation of Sutudent Learning. New York: MacGraw-Hill Book Co.
[8] Scott. (2012). An Investigation of Science, Technology, Engineering and Mathematics (STEM) Focused High School in The U.S. Journal of STEM Education. 13(5), 30-39.
[9] Burrows, A., Breiner, J., Keiner, J., & Behm, C. (2014). Biodiesel and integrated STEM: Vertical
Alignment of High School Biology/Biochemistry and Chemistry. Journal of Chemical Education. 91(9), 1379-1389.
[10] พลศักดิ์ แสงพรมศรี. (2558). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นสูง และเจตคติต่อการเรียนเคมีของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้สะเต็มศึกษากับแบบปกติ. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. 9(ฉบับพิเศษ), 401-418.
[11] มีนกาญจน์ แจ่มพงษ์. (2559). การพัฒนาชุดฝึกทักษะสตีมศึกษาเพื่อการสร้างสรรค์ชิ้นงาน เรื่อง พลังงานรอบตัวเรา. ปริญญาศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต (เทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา) คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี.
[12] สุมนา โสตถิผลอนันต์. (2559). การพัฒนาสมรรถนะด้านการประเมินตามสภาพจริง โดยใช้ชุดกิจกรรมและโครงงาน เป็นฐานสำหรับฝึกทักษะการประเมินตามสภาพจริง ของนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู. มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร.
[13] ภัสสร ติดมา. (2558). การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ เรื่อง ระบบร่างกายมนุษย์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมตามแนวทางสะเต็มศึกษา ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยนเรศวร.

Downloads

Published

2020-03-25

How to Cite

รัศมีมารีย์ ค. ., ชื่นชมคุณาธร น. ., คงมนต์ ศ. ., นันทธเนศ พ. ., ธรรมบุศย์ พ. ., รอดมณี อ. ., & มุลอามาตย์ เ. . (2020). ผลการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์สะเต็มศึกษากับการแก้ปัญหาโดยใช้รูปแบบกิจกรรม 4 WP สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน (STEM LEARNING APPROACH AND PROBLEM SOLVING USING THE 4WP FORMAT FOR MATHAYOMSUKSA III ST). Srinakharinwirot Research and Development Journal of Humanities and Social Sciences, 11(22, July-December), 32–44. Retrieved from https://so04.tci-thaijo.org/index.php/swurd/article/view/240638