การพัฒนาแบบประเมินความฉลาดรู้ทางกายสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่มีความสามารถพิเศษวิทยาศาสตร์
คำสำคัญ:
การพัฒนาแบบประเมิน, ความฉลาดรู้ทางกาย, นักเรียนที่มีความสามารถพิเศษวิทยาศาสตร์บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาองค์ประกอบของความฉลาดรู้ทางกายสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่มีความสามารถพิเศษวิทยาศาสตร์ และ 2) พัฒนาแบบประเมินความฉลาดรู้ทางกายสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่มีความสามารถพิเศษวิทยาศาสตร์ กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ในโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ และโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย จำนวน 6 แห่ง รวมจำนวนนักเรียนทั้งสิ้น 636 คน ได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย 2 ขั้นตอน ดำเนินการวิจัย โดย 1) ศึกษาองค์ประกอบของความฉลาดรู้ทางกายสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่มีความสามารถพิเศษวิทยาศาสตร์ โดยใช้การสัมภาษณ์ด้วยเทคนิค EFR จากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 7 คน 2) ตรวจสอบความถูกต้องของการสังเคราะห์องค์ประกอบจากผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน และ 3) พัฒนาแบบประเมิน ฯ และตรวจสอบคุณภาพของแบบประเมินด้านความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาจากผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน และตรวจสอบค่าอำนาจจำแนกรายข้อ และความเชื่อมั่นจากกลุ่มตัวอย่าง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสัมภาษณ์กึ่งมีโครงสร้าง แบบประเมินความถูกต้องของการสังเคราะห์องค์ประกอบ ฯ และแบบประเมินความฉลาดรู้ทางกายสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่มีความสามารถพิเศษวิทยาศาสตร์ วิเคราะห์ตรวจสอบแบบประเมินด้านความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาด้วยดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ระหว่างข้อคำถามกับนิยามขององค์ประกอบค่าอำนาจจำแนกด้วยค่าที ความเชื่อมั่นด้วยสัมประสิทธิ์อัลฟ่าของครอนบัค และความเที่ยงตรงเชิงโครงสร้างด้วยการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน ผลการวิจัยพบว่า แบบประเมิน ฯ ที่พัฒนาขึ้น ประกอบไปด้วยข้อคำถาม จำนวน 108 ข้อคำถาม จาก 4 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ 1) องค์ประกอบด้านความรู้ 2) องค์ประกอบด้านร่างกาย ทักษะ และสมรรถภาพ 3) องค์ประกอบด้านจิตใจ อารมณ์ และเจตคติ และ 4) องค์ประกอบด้านสังคมและมีคุณภาพของแบบประเมินเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด ทั้งค่าความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา (ค่า IOC อยู่ระหว่าง 0.6 -1.0) ค่าอำนาจจำแนก (ค่าที อยู่ระหว่าง 2.41 – 10.35) ค่าความเชื่อมั่น (Cronbach's alpha = 0.97) และค่าความเที่ยงตรงเชิงโครงสร้างในภาพรวม (Chi - square = 311.14, df = 167, p = 0.00, RMSEA = 0.04, GFI = 0.96, AGFI = 0.90, CFI = 1.00, RMR = 0.021, SRMR = 0.035)
Downloads
เอกสารอ้างอิง
กองบริหารงานวิจัยและประกันคุณภาพการศึกษา. (2559). พิมพ์เขียว Thailand 4.0 โมเดลขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความมั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืน. สืบค้นจาก https://waa.inter.nstda.or.th/stks/pub/2017/20171114-draeqa-blueprint.pdf
ศูนย์สารสนเทศสำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 จังหวัดเชียงใหม่. (2562). พระราชปณิธาณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับการสร้างคน. สืบค้นเมื่อ 15 มิถุนายน 2562, จาก http://www.prdnorth.in.th/The_King/king_study_04.php
มณพิไลย นรสิงห์. (2560). การพัฒนาคนเพื่อการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ Thailand 4.0. สืบค้นเมื่อ 15 มิถุนายน 2562, จาก https://mgronline.com/daily/detail/9600000120293
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
Cairney, J. (2019). Physical literacy is foundational to health and development in early childhood. Retrieved June 19, 2019, from http://inchlabdev.fammedmcmaster.ca/inch-blog/physical-literacy-is-foundational-to-health-and-development-in-early-childhood
Hair, J. F., Anderson, R. E., Tatham, R. L., and Black, W. C. (1995). Multivariate data analysis with readings (4th ed.). Englewood Cliffs, N.J.: Prentice Hall.
กัลยา วานิชย์บัญชา. (2556). การวิเคราะห์สมการโครงสร้าง (SEM) ด้วย AMOS. กรุงเทพฯ: ห้างหุ้นส่วนจำกัด สามลดา.
Whitehead, M. (2010). Physical literacy: Throughout the life course. New York: Routledge.
วาสนา คุณาอภิสิทธิ์. (2539). การสอนพลศึกษา. กรุงเทพฯ: บริษัทวิทยพัฒน์.
The ASPEN Institute. (2015). Physical literacy in the United States: A model, strategic plan, and call to action. Retrieved October 29, 2019, from https://assets.aspeninstitute.org/content/uploads/files/content/docs/pubs/PhysicalLiteracy_AspenInstitute.pdf
Dudley, D. (2015). A Conceptual Model of Observed Physical Literacy. The Physical Educator, 72(5), 236-260.
Robinson, D. B., and Randall, L. (2017). Marking Physical Literacy or Missing the Mark on Physical Literacy? A Conceptual Critique of Canada’s Physical Literacy Assessment Instruments. Measurement in Physical Education and Exercise Science, 21(1), 40-55.
Australian Sports Commission. (2019). The Draft Australian Physical Literacy Standard. Retrieved June 19, 2019, from https://www.sportaus.gov.au
Society of Health and Physical Educator America. (2019). Physical Literacy. Retrieved June 25, 2019, from https://www.shapeamerica.org/events/physicalliteracy
สุนันท์ ศลโกสุม. (2525). การวัดผลการศึกษา. กรุงเทพฯ: สำนักทดสอบทางการศึกษาและจิตวิทยา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร.
ราตรี นันทสุคนธ์. (2553). หลักการวัดและประเมินผลการศึกษา (ฉบับปรับปรุง). กรุงเทพฯ: คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี.
Dong, X. (2021). Measuring middle-school student's physical literacy: Instrument development (ProQuest No. 28964323). [Doctoral dissertation, Barry University]. ProQuest Dissertations and Theses Database.
Mohammadzadeh, M., Sheikh, M., Houminiyan Sharif Abadi, D., Bagherzadeh, F., and Kazemnejad, A. (2022). Design and psychometrics evaluation of Adolescent Physical Literacy Questionnaire (APLQ). Sport Sciences for Health, 18(2), 397-405.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 วารสารศรีนครินทรวิโรฒวิจัยและพัฒนา (สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์)

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
วารสารศรีนครินทรวิโรฒวิจัยและพัฒนา สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ อยู่ภายใต้การอนุญาต Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivs 4.0 International (CC-BY-NC-ND 4.0) เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น โปรดอ่านหน้านโยบายของวารสารสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเข้าถึงแบบเปิด ลิขสิทธิ์ และการอนุญาต