ภาวะโภชนาการในผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด

ผู้แต่ง

  • พิสมัย แจ้งสุทธิวรวัฒน์ ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
  • นริศรา วงศ์ทอง ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

คำสำคัญ:

ภาวะโภชนาการ, ผู้ป่วยมะเร็ง, เคมีบำบัด

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินภาวะโภชนาการในผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา (Descriptive study) ประชากร คือ ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด ณ หน่วยการพยาบาลผู้ป่วยเคมีบำบัด ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน โดยใช้สถิติคำนวณ การวิเคราะห์ความแปรปรวนร่วม (ANOVA) โดยมีค่าคำนวน Estimate sample size for sample comparison of proportion to hypothesis value ได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 100 คน ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยเป็นโรคมะเร็งและได้การรักษาด้วยยาเคมีบำบัดไม่ร่วมกับการฉายแสง อายุ 15 ปีขึ้นไป ได้แก่ มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งปอด มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ในครั้งแรกที่ตรวจพบโรค การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติ Mean, S.D., Percentage, Repeated measure ANOVA และเครื่องมือที่ใช้ประเมินภาวะโภชนาการ ได้แก่ Nutrition Alert Form (NAF score) ที่ดัดแปลงมาจาก RAMA NAF score ระดับ Albumin และปริมาณ Total lymphocyte count ผลการวิจัยพบว่า ข้อมูลทางคลินิกของผู้ป่วยที่เก็บได้จำนวน 63 คน เนื่องจากครบกำหนดระยะการทำวิจัยและพบกลุ่มตัวอย่างไม่เป็นไปตามที่กำหนด พบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จำนวน 47 ราย (74.46 %) เพศชาย จำนวน 16 ราย (25.40%) อายุเฉลี่ย 54.25 ± 13.5 ปี ค่าดัชนีมวลกายเฉลี่ย 22.93 ± 5.0 kg/m2 โดยโรคมะเร็งที่พบร่วม 3 อันดับแรก ได้แก่ โรคมะเร็งเต้านม 12 ราย (22.20%) รองมาคือ โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ 9 ราย (14.30%) และโรคมะเร็งรังไข่ 7 ราย (11.10%) ส่วนใหญ่ผู้ป่วยไม่มีโรคร่วม 44 ราย (69.80%) และมีโรคร่วมพบ 19 ราย (30.20%) โรคที่พบส่วนใหญ่ คือ โรคความดันโลหิตสูง จำนวน 11 ราย (63.20%) รองลงมาคือ โรคไขมันในเลือดสูง จำนวน 6 ราย (31.60%) และเบาหวาน 4 ราย (21.10) ตามลำดับ Nutrition Alert Form (NAF score) พบว่าภายหลังการให้ยาเคมีบำบัด ในครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 พบค่า Mean ± S.D. = 4.77 ± 3.1, 4.89 ± 3.3 และ 5.16 ± 2.9 (p-value = 0.173) ระดับความรุนแรง Normal-Mild malnutrition Mean ± S.D. = 42 ± 66.7, 39 ± 61.9 และ 37 ± 58.7 (p-value = 0.202) ระดับ Albumin ภายหลังได้รับยาเคมีบำบัด ในครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 Mean ± S.D. = 3.86 ± 0.6, 3.81 ± 0.5 และ 3.71 ± 0.6 (p-value = 0.068) ระดับ Albumin ≤ 2.5 (g/l) ค่า Mean ± S.D. = 49 ± 77.0  48 ± 76.0 และ 42 ± 66.0 (p-value = 0.160) จำนวนเม็ดเลือดขาว (total lymphocyte count) พบว่าภายหลังการให้ยาเคมีบำบัด ในครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 พบค่า Mean ± S.D. = 2,128.85 ± 1263.7 1,897.85 ± 1058.9 และ 1,756.57 ± 1219.0 (p-value = 0.028) ปริมาณ TLC ≤ 1,000 cell/mm2 ค่า Mean ± S.D. = 44 ± 69.8, 38 ± 60.3 และ 34 ± 54.0 (p-value = 0.003)

Downloads

Download data is not yet available.

เอกสารอ้างอิง

อาคม เชียรศิลป์. (2560). ระบาดวิทยาของโรคมะเร็งในประเทศไทย. สืบค้นเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2560, จาก http://www.oocities.org/suchartw/epidermiology

Rodgers III, G. M., Becker, P. S., Blinder, M., Cella, D., Chanan-Khan, A., Cleeland, C., Coccia, P. F., Djulbegovic, B., Gilreath, J. A., Kraut, E. H., Matulonis, U. A., Millenson, M. M., Reinke, D., Rosenthal, J., Schwartz, R. N., Soff, G., Stein, R. S., Vlahovic, G., and Weir III, A. B. (2012). Cancer- and chemotherapy-induced anemia: Clinical practice guidelines in oncology. Journal of the National Comprehensive Cancer Network, 10(5), 628-653.

Kadokura, G., and Katsumata, N. (2014). Treatment of chemotherapy-induced anemia. Japanese Journal of Cancer and Chemotherapy, 41(4), 416-420.

Sharma, R., Tobin, P., and Clarke, S. J. (2005). Management of chemotherapy-induced nausea, vomiting, oral mucositis, and diarrhoea. Lancet Oncol, 6(2), 93-102. https://doi.org/10.1016/S1470-2045(05)01735-3

Argilés, J. M. (2005). Cancer-associated malnutrition. European Journal of Oncology Nursing, 9(Suppl. 2), S39-S50. https://doi.org/10.1016/j.ejon.2005.09.006

พวงทอง ไกรพิบูลย์. (2552). กินอย่างไรเมื่อเป็นมะเร็ง. กรุงเทพ: ซีเอ็ดยูเคชั่น.

Tisdale, M. J. (2002). Cachexia in cancer patients. Nature Reviews Cancer, 2(11), 862-871. https://doi.org/10.1038/nrc927

Arends, J., Strasser, F., Gonella, S., Solheim, T. S., Madeddu, C., Ravasco, P., Buonaccorso, L., de van der Schueren, M. A. E., Baldwin, C., Chasen, M., and Ripamonti, C. I. (2021). Cancer cachexia in adult patients: ESMO Clinical Practice Guidelines. ESMO Open, 6(3). Article 100092. https://doi.org/10.1016/j.esmoop.2021.100092

Berger, A. (1998). Cochrane injuries group albumin reviewers why albumin may not work. BMJ, 317, 235-240. https://doi.org/10.1136/bmj.317.7153.235

จินตนา สุวิทวัส. (2564). การพยาบาลผู้ป่วยโรคมะเร็งที่มีภาวะขาดสารอาหารและพลังงาน. วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม, 18(2), 13-19.

Ma, L., Poulin, P., Feldstain, A., and Chasen, M. R. (2013). The association between malnutrition and psychological distress in patients with advanced head-and-neck cancer. Current Oncology, 20(6), e554-e560. https://doi.org/10.3747/co.20.1651

Manikantan, K., Khode, S., Sayed, S. I., Roe, J., Nutting, C. M., Rhys-Evans, P., Harrington, K. J., Kazi, R. (2009). Dysphagia in head and neck cancer. Cancer Treatment Reviews, 35(8), 724-732. https://doi.org/10.1016/j.ctrv.2009.08.008

ยุทธ ไกยวรรณ์. (2553). หลักสถิติวิจัยและการใช้โปรแกรม SPSS. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

Cortina, J. M. (1993). What is coefficient alpha? an examination of theory and applications. Journal of Applied Psychology, 78, 98-104. https://doi.org/10.1037/0021-9010.78.1.98

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-06-13

รูปแบบการอ้างอิง

แจ้งสุทธิวรวัฒน์ พ., & วงศ์ทอง น. (2025). ภาวะโภชนาการในผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด. วารสารศรีนครินทรวิโรฒวิจัยและพัฒนา สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 17(1, January-June), 1–10, Article 269396. สืบค้น จาก https://so04.tci-thaijo.org/index.php/swurd/article/view/269396