การศึกษาปัญหาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัย เรื่อง ศึกษาปัญหาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ได้แก่ ประสิทธิภาพการสอน เทคนิคและวิธีการสอน การใช้เทคโนโลยีประกอบการสอน และผลสัมฤทธิ์การสอน 2) เพื่อศึกษาปัญหาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ 3) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบปัญหาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล 5) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ และ 5) เพื่อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาการเรียนภาษาอังกฤษของนิสิตและการสอนภาษาอังกฤษของอาจารย์ ประชากรที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ นิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นปีที่ 1-5 ในปีการศึกษา 2550-2551 ทั้งในส่วนกลางและวิทยาเขต จำนวน 970 รูป/คน โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง ได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 300 รูป/คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาเป็นแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล เป็นสถิติพรรณนา ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน โดยการทดสอบค่า Independent Samples t-test ค่า F-test และเปรียบเทียบความแตกต่างเป็นรายคู่ด้วยวิธี LSD และวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ โดยการหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของ เพียร์สัน ผลการวิจัยพบว่า 1) นิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่เป็นสามเณร มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ส่วนใหญ่เป็นนิสิตกำลังศึกษาอยู่ในชั้นปีที่ 1 และจำนวนนิสิตที่กำลังศึกษาในส่วนกลางและที่กำลังศึกษาอยู่ในวิทยาเขตต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยทั่วประเทศมีจำนวนไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ 2) ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ โดยรวม อยู่ในระดับปานกลาง ( =3.55) เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ด้านประสิทธิภาพการสอนภาษาอังกฤษ อยู่ในระดับปานกลาง ( =3.29) ด้านเทคนิคและวิธีการสอนภาษาอังกฤษ อยู่ในระดับ ปานกลาง ( =2.53) ด้านการใช้เทคโนโลยีประกอบการสอน อยู่ในระดับ ปานกลาง ( =2.53) และด้านผลสัมฤทธิ์ทางการสอนภาษาอังกฤษ อยู่ในระดับ ปานกลาง ( =3.11) 3) สภาพปัญหาการสอนภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โดยภาพรวม อยู่ในระดับปานกลาง ( =3.55) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม มีความคิดเห็นว่า อาจารย์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มีปัญหาการเข้าสอนให้ตรงตามเวลาในระดับมากและมีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( =5.69) มีปัญหาความพร้อมด้านภาษาอังกฤษในระดับมากและมีค่าเฉลี่ยรองลงมา ( =5.62) และมีสภาพปัญหาการสอนตามวิธีธรรมชาติ คือการสอนเป็นภาษาอังกฤษ (Direct Method) ในระดับปานกลางและมีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด ( =2.39) 5) ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบปัญหาการสอนภาษาอังกฤษ พบว่า นิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยที่มีสถานภาพ และอายุแตกต่างกัน มีความคิดเห็นต่อปัญหาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 นิสิตที่มีปีการศึกษาและสถานที่เรียนแตกต่างกัน มีความคิดเห็นต่อปัญหาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ไม่แตกต่างกัน 6) ผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ พบว่า การใช้เทคโนโลยีประกอบการสอน (X3) มีความสัมพันธ์ทางบวกกับปัญหาการสอนภาษาอังกฤษในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ผลสัมฤทธิ์ทางการสอนภาษาอังกฤษ (X5) มีความสัมพันธ์ทางลบกับปัญหาการสอนภาษาอังกฤษในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 และประสิทธิภาพการสอนภาษาอังกฤษ (X1) และเทคนิคและวิธีการสอนภาษาอังกฤษ (X2) ไม่มีความสัมพันธ์กับปัญหาการสอนภาษาอังกฤษในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
Article Details
เอกสารอ้างอิง
นันทกา ท่าวุฒิ, ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารและทักษะการเรียน, (กรุงเทพมหานคร: เอิร์ดเวฟ เอ็ดดูเคชั่น, 2552)
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, พระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พ.ศ. 2550, (กรุงเทพฯ: สูตรไพศาล, 2552) http://www.mcu.ac.th.
พระมหาวรเชษฐ รมจันทร์อินทร์, ปัญหาการเรียนของนิสิตสาขาวิชาภาษาอังกฤษ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, (กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 2557)
สุมิตรา อังวัฒนกุล, วิธีสอนภาษาอังกฤษ, (กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2550)