ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดออนไลน์ และการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางของนักศึกษาระดับอุดมศึกษา ในเขตอำเภอเมืองจังหวัดนครราชสีมา
คำสำคัญ:
ส่วนประสมทางการตลาดออนไลน์, การตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดออนไลน์ของเครื่องสำอางที่จำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อศึกษาการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางที่จำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาในเขตอำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมาและเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดออนไลน์ของเครื่องสำอางที่จำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์และการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาในเขตอำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โดยเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่างนักศึกษาที่ซื้อเครื่องสำอางที่จำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ นักศึกษาในเขตอำเภอเมืองจังหวัดนครราชสีมา จำนวน 400 คน กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อยู่ในช่วงอายุ 21 – 23 ปี มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 5,001 บาทขึ้นไป และเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบโควต้า (Quota sampling) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติ Independent sample t-test และสถิติ One way ANOVA (F-test) ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดออนไลน์ (6P) ประกอบด้วย ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านราคา ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย ด้านการส่งเสริมการตลาดด้านการบริการส่วนบุคคลและด้านการรักษาความเป็นส่วนตัว เว็บไซต์เครื่องสำอางออนไลน์ของนักศึกษาในเขตอำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมาภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยด้านที่มีระดับความสำคัญมากที่สุด คือ การรักษาความเป็นส่วนตัว ในประเด็นเว็บไซต์เครื่องสำอางที่จำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์มีระบบความปลอดภัยในการชําระเงิน การตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางที่จำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาในเขตอำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โดยด้านที่มีระดับการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางมากที่สุด คือ ด้านการตัดสินใจในประเด็นเว็บไซต์เครื่องสำอางที่จำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์มีการจัดรูปแบบในเว็บไซต์ง่ายต่อการอ่านและใช้งาน และความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดออนไลน์ของเครื่องสำอางและการตัดสินใจเครื่องสำอางที่จำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยภาพรวมมีความสัมพันธ์เชิงบวกในระดับสูงมาก (r = 0.911) โดยด้านที่มีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางมากที่สุด คือ ด้านการรักษาความเป็นส่วนตัวมีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอาง ด้านพฤติกรรมหลังการซื้อมากที่สุด (r = 0.926)
เอกสารอ้างอิง
Bayarsaikhan, K. and Ting Ting Ly. 2013. After-sales services and customer relationship
marketing: A multiple case study within the Swedish heavy equipment machinery
industry. Department of Marketing Program, Linnaeus University.
Kampeera, P. 2014. Buying Behavior of Cosmetics. make up through the Facebook
website of female students in Bangkok. Master of Business Administration Thesis, Department of Strategic Communication, Bangkok University.
Kotler, P. 1997. Marketing management: analysis, planning implementation and control.
th ed. New Jersey: Asimmon & Schuster.
Kotler, P. 2003. Marketing Management. 11th ed. Upper Saddle River, NJ: Prentice–Hall.
Marketeeronline, 2022. Best Countries 2022 Global rankings, international news and data
insights. Retrieved October 2, 2021 from https://www.usnews.com/media/best-countries/2022-overall-rankings.pdf
Schiffman, L. G., and Kanuk, L. L. 2000. Consumer Bbehavior. 7th ed. Upper Saddle River,
N.J Prentice Hall.
Thai E-commerce Resource Center. 2021. Perspective on Future of e-Commerce. Retrieved
October 2, 2021 from https://www.etda.or.th/th/Useful-Resource/KnowledgeSharing/
Perspective-on-Future-of-e-Commerce.aspx
Thiphayapornkul, P. 2016. Factors affecting the online purchase of cosmetics
among consumers in Bangkok area. Master of Business Administration Program,
Silpakorn University.
Wertime and Fenwick. 2008. Digi marketing: The essential guide to new media and digital
marketing. Singapore: John Wiley & Sons (Asia).
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ข้อความ ข้อคิดเห็น ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ แผนภูมิ แผนผัง เป็นต้น ที่ปรากฏและแสดงในบทความต่างๆ ในวารสารบริหารธุรกิจเทคโนโลยีมหานคร ถือเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของผู้เขียนบทความนั้นๆ มิใช่เป็นความรับผิดชอบใดๆ ของวารสารบริหารธุรกิจเทคโนโลยีมหานคร และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร
บทความที่ตีพิมพ์ในวารสารบริหารธุรกิจเทคโนโลยีมหานคร ถือเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่งไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับการอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานครก่อนเท่านั้น