ยุติธรรมเชิงสมานฉันท์: การจัดการความขัดแย้ง เพื่อสร้างความยุติธรรมของชุมชนพรุควนเคร็ง จังหวัดนครศรีธรรมราช

Main Article Content

นิธิตา สิริพงศ์ทักษิณ

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบและกระบวนการในการจัดการความขัดแย้งเพื่อสร้างความยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ของชุมชนพรุควนเคร็ง จังหวัดนครศรีธรรมราช ดำเนินการตามแนวทางการวิจัยเชิงคุณภาพซึ่งเก็บรวบรวมข้อมูลจากเอกสาร การสังเกตแบบมีส่วนร่วมและแบบไม่มีส่วนร่วม ตลอดจนการสัมภาษณ์แบบเจาะลึกและการสนทนากลุ่มกับผู้นำชุมชน ปราชญ์ชาวบ้าน เจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่และกลุ่มชาวบ้านใน 11 หมู่บ้าน


ผลการวิจัยพบว่า (1) ฐานสำคัญของกระบวนการจัดการความขัดแย้งของชุมชนที่นำมาซึ่งความสมานฉันท์ คือ การสร้างความสงบสุขให้เกิดขึ้นในชุมชน ที่มาของความขัดแย้งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการใช้ทรัพยากรของชุมชน ทั้งในเรื่องของการใช้ประโยชน์ที่ดิน การทำประมงและการใช้ทรัพยากรจากป่าพรุ การเห็นความจำเป็นและประโยชน์ร่วมกันในการจัดการปัญหา ทำให้มีการร่วมกันสร้างกติกาชุมชน โดยหยิบยกปัญหามาพูดคุยกันให้ตระหนักรู้ว่าเป็นปัญหาที่ควรแก้ไขหรือป้องกัน (2) รูปแบบและกระบวนการในการจัดการความขัดแย้งเพื่อสร้างความยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ มีวิธีที่ถูกนำมาใช้อย่างผสมผสานกัน ได้แก่ การเจรจาต่อรองโดยอาศัยระบบเครือญาติ การเจรจาไกล่เกลี่ยโดยบุคคลที่เป็นที่เคารพและน่าเชื่อถือ ซึ่งมีทั้งคนเดียวและทำเป็นกลุ่ม หากมีการประพฤติผิดไปจากกติกาชุมชนก็กำหนดให้มีการชดใช้เยียวยาความเสียหาย บูรณาการให้เกิดการฟื้นฟูสัมพันธภาพและอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของกระบวนทัศน์ความยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ ข้อค้นพบดังกล่าวนำสู่ข้อเสนอแนะให้ภาครัฐนำเอาความสามารถของชุมชนในการแก้ไขปัญหาและจัดการความขัดแย้งของตนเองในแนวทางเชิงสมานฉันท์มาประยุกต์ใช้ ซึ่งมีข้อดีที่ว่าเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนและเคารพค่านิยมของท้องถิ่น ตลอดจนสร้างเสริมให้ชุมชนมีการพัฒนาการจัดการความขัดแย้งในท้องถิ่นให้มีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
สิริพงศ์ทักษิณ น. (2018). ยุติธรรมเชิงสมานฉันท์: การจัดการความขัดแย้ง เพื่อสร้างความยุติธรรมของชุมชนพรุควนเคร็ง จังหวัดนครศรีธรรมราช. วารสารพัฒนาสังคมและยุทธศาสตร์การบริหาร, 20(1), 1–16. สืบค้น จาก https://so04.tci-thaijo.org/index.php/jsd/article/view/117691
ประเภทบทความ
บทความวิจัย Research Article

เอกสารอ้างอิง

1. Bra ithwaite, J. (1998). Restorative Justice. In M. Tonry (ed.). The Handbook of Crime andPunishment.Oxford: Oxford University Press.

2. Claassen, R. (2002). A Peacemaking Model: A Biblical Perspective. Retrieved May 10,2017, from http://www.fresno.edu/pacs/Apeacemaking Model.pdf>2002

3. Khunweechuay, N. (2012). The Dynamic of Resource Use at Kuan Kreng Peat Lands. (Research report). Bangkok: Office of the Higher Education Commission.

4. Kreng Subdistrict Administration Organization. (2015). Basic data. Retrieved fromhttp://www.kreang.go.th/

5. Tothongdee, B. (2012). Restorative Justice: A Study Diversion of Domestic Violence Cases. (Master’s thesis). Dhurakij Pundit University, Bangkok.

6. Uaamnoey, J. (2005). Restorative Justice: A Return of Power to Crime Victims and Communities.(Reseach report). Bangkok: The Thailand Research Fund.