การศึกษาพฤติกรรมการเรียนรู้ร่วมกันผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ เพื่อรณรงค์การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ของบุคลากรทางการศึกษา สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ STUDY OF COLLABORATIVE LEARNING BEHAVIOR THROUGH ONLINE SOCIAL NETWORKS FOR ENERGY EFFICIENT CAMPAIGN OFFICE OF THE PRESIDENT SRINAKHARINWIROT UNIVERSITY

ผู้แต่ง

  • นิพนธ์ พารา ภาควิชาเทคโนโลยีการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
  • ศิวนิต อรรถวุฒิกุล ภาควิชาเทคโนโลยีการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

คำสำคัญ:

การเรียนรู้ร่วมกัน, การเรียนรู้ร่วมกันผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์, การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

บทคัดย่อ

          การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง มีวัตถุประสงค์การวิจัย 1) เพื่อศึกษาพฤติกรรมเรียนรู้ร่วมกันผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์เพื่อรณรงค์การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพของบุคลากรทางการศึกษา สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ 2) เพื่อออกแบบและพัฒนาสื่อรณรงค์การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในองค์กร 3) เพื่อศึกษาความคิดเห็นที่มีต่อกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ คือ บุคลากรทางการศึกษา สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จำนวน 23 คน ได้มาโดยวิธีการอาสาสมัคร (Volunteer) ระยะเวลาในการทดลอง 8 สัปดาห์ เครื่องมือในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แบบสัมภาษณ์ความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน 2) แบบประเมินกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ 3) แบบประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้ร่วมกันผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ 4) แบบประเมินผลงานการออกแบบสื่อเพื่อรณรงค์การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในองค์กร 5) แบบสอบถามความคิดเห็นที่มีต่อกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ วิเคราะห์ข้อมูลด้วย ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย () และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)

          ผลวิจัยพบว่า 1. พฤติกรรมการเรียนรู้ร่วมกันผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ มีพฤติกรรมการเรียนรู้ร่วมกันอยู่ในระดับมาก ( = 3.93, S.D. = 0.62) และค่าเฉลี่ยรายด้าน พบว่า ด้านการออกแบบชิ้นงาน ความเข้าใจหรือพัฒนา ด้านการมีส่วน และด้านความรู้ ความเข้าใจและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ มีพฤติกรรมการเรียนรู้ร่วมกันอยู่ในระดับมาก ตามลำดับ 2. ผลคะแนนจากแบบประเมินผลงานการออกแบบสื่อเพื่อรณรงค์การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในองค์กร พบว่า ผลงานการสร้างสื่อของกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 23 คน มีคุณภาพอยู่ในระดับดี ( = 22.71) และเมื่อพิจารณาค่าเฉลี่ยของผลงานรายบุคคล พบว่า มีจำนวน 8 คน ที่ผลการประเมินคุณภาพอยู่ในระดับปานกลาง นอกจากนั้น จำนวน 15 คน ผลงานมีคุณภาพอยู่ในระดับดี 3. ความคิดเห็นที่มีต่อกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน พบว่าความคิดเห็นที่มีต่อกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน มีระดับความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก ( = 4.17, S.D. = 0.58)และค่าเฉลี่ยความคิดเห็นรายด้าน พบว่า ด้านเครื่องมือที่ใช้ในกระบวนการจัดกิจกรรม ด้านความร่วมมือของสมาชิก
และองค์ความรู้ที่ได้จากกระบวนการ และด้านกระบวนการการจัดกิจกรรมเรียนรู้ร่วมกัน มีระดับความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก ตามลำดับ

Downloads

Download data is not yet available.

ประวัติผู้แต่ง

นิพนธ์ พารา, ภาควิชาเทคโนโลยีการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

ภาควิชาเทคโนโลยีการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

ศิวนิต อรรถวุฒิกุล, ภาควิชาเทคโนโลยีการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

ภาควิชาเทคโนโลยีการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

เอกสารอ้างอิง

[1] กชพร ดีการกล. (2557). พฤติกรรมการสื่อสารเพื่อการเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีมผ่านระบบแลกเปลี่ยนเรียนรู้บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตตามแนวคิดการเรียนรู้แบบนำตนเอง ของบุคลากรทางการศึกษา. วิทยานิพนธ์ปริญญา ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร.
[2] วิจารณ์ พานิช. (2548). การจัดการความรู้ ฉบับนักปฏิบัติ. กรุงเทพฯ: สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม.
[3] จิราภรณ์ ศรีนาค. (2556). การวิเคราะห์ประเภท รูปแบบ เนื้อหาและการใช้สื่อสังคมออนไลน์ในประเทศไทย. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2019-06-27

รูปแบบการอ้างอิง

พารา น., & อรรถวุฒิกุล ศ. (2019). การศึกษาพฤติกรรมการเรียนรู้ร่วมกันผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ เพื่อรณรงค์การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ของบุคลากรทางการศึกษา สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ STUDY OF COLLABORATIVE LEARNING BEHAVIOR THROUGH ONLINE SOCIAL NETWORKS FOR ENERGY EFFICIENT CAMPAIGN OFFICE OF THE PRESIDENT SRINAKHARINWIROT UNIVERSITY. วารสารศรีนครินทรวิโรฒวิจัยและพัฒนา สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 11(21, January-June), 39–53. สืบค้น จาก https://so04.tci-thaijo.org/index.php/swurd/article/view/198161