รูปแบบการเสริมสร้างสมรรถนะการดูแลสุขภาวะองค์รวมของผู้สูงอายุในเขตทุ่งกุลาร้องไห้ โดยประยุกต์ใช้หลักภาวนา 4

Main Article Content

สุรสิทธิ์ ไกรสิน

บทคัดย่อ

งานวิจัยเรื่อง รูปแบบการเสริมสร้างสมรรถนะการดูแลสุขภาวะองค์รวมของผู้สูงอายุในเขตทุ่งกุลาร้องไห้โดยประยุกต์ใช้หลักภาวนา 4 มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) สภาวะสุขภาพของผู้สูงอายุและความต้องการจำเป็นในการเสริมสร้างสุขภาวะแบบองค์รวมของผู้สูงอายุ 2) สร้างรูปแบบการเสริมสร้างสมรรถนะการดูและสุขภาวะองค์รวมของผู้สูงอายุในเขตทุ่งกุลาร้องไห้โดยประยุกต์ใช้หลักภาวนา 4 และ3) หาประสิทธิภาพของรูปแบบการเสริมสร้างสุขภาพผู้สูงอายุ โดยทำการศึกษาจากผู้สูงอายุในเขตทุ่งกุลาร้องไห้กลุ่มตัวอย่าง ใช้วิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง เป็นการเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ดุลพินิจ ใช้สูตรทาโรยามาเน่ ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถาม ผู้วิจัยใช้วิธีเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการออกสัมภาษณ์ และ ส่งแบบสอบถามให้ผู้นำชุมชนช่วยแจกผู้สูงอายุตอบแล้วเก็บรวบรวมผู้วิจัยลงไปรับจากผู้นำชุมชน ด้วยตัวเอง การวิเคราะห์ข้อมูลใช้วิธีการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา และใช้สถิติค่าร้อยละ และค่าความถี่ ผลการวิจัยพบว่า 1. สภาวะสุขภาพของผู้สูงอายุ โดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง และความต้องการจำเป็นในการเสริมสร้างสุขภาวะแบบองค์รวมของผู้สูงอายุ 6 ด้าน คือ ด้านความรับผิดชอบต่อสุขภาพ ด้านการออกกำลังกาย ด้านโภชนากร ด้านสัมพันธภาพระหว่างบุคคล ด้านการส่งเสริมสุขภาพด้านจิตวิญญาณ และด้านการขจัดความเครียด พบว่า มีความต้องการจำเป็นในการส่งเสริมสุขภาพในแต่ละด้านแตกต่างกันไป 2. การสร้างรูปแบบการเสริมสร้างสมรรถนะการดูและสุขภาวะองค์รวมของผู้สูงอายุในเขตทุ่งกุลาร้องไห้โดยประยุกต์ใช้หลักภาวนา 4 พบว่า รูปแบบการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุประกอบด้วย 4 องค์ประกอบคือ 1) หลักการของรูปแบบ 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 3) กระบวนการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ และ4) เงื่อนไขความสำเร็จและตัวชี้วัดความสำเร็จของรูปแบบ 3. การหาประสิทธิภาพของรูปแบบการเสริมสร้างสุขภาพผู้สูงอายุ พบว่า หลังการทดลองใช้รูปแบบการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุด้านความรับผิดชอบต่อตนเอง ด้านการออกกำลังกาย ด้านโภชนาการ ด้านสัมพันธภาพระหว่างบุคคล ด้านการส่งเสริมสุขภาพด้านจิตวิญญาณ และด้านขจัดความเครียดก่อนและหลังการส่งเสริมสุขภาพมีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .01 คือ ค่าเฉลี่ยหลังจากการส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุสูงกว่าก่อนการส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุ สุขภาพผู้สูงอายุที่พึงประสงค์ พบว่า ผู้สูงอายุมีสุขภาพเกี่ยวกับการมีดัชนีมวลกายอยู่ในระดับปกติ/หรือรอบเอวอยู่ในเกณฑ์ปกติ ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน ครั้งละ 15-30 นาที ก่อนและหลัง การส่งเสริมสุขภาพมีความสัมพันธ์กันย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .01 ส่วนการมีสุขภาพจิตดีก่อนและหลังการส่งเสริมสุขภาพมีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 1

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ไกรสิน ส. (2018). รูปแบบการเสริมสร้างสมรรถนะการดูแลสุขภาวะองค์รวมของผู้สูงอายุในเขตทุ่งกุลาร้องไห้ โดยประยุกต์ใช้หลักภาวนา 4. วารสาร สถาบันวิจัยญาณสังวร มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 9(1), 24–37. สืบค้น จาก https://so04.tci-thaijo.org/index.php/yri/article/view/173135
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. (2560). ทิศกรมการแพทย์ 2560 DMS Direction 2017. บริษัทอาร์ตควอลิไฟท์ จำกัด.

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณะสุข. (2556). รายงานประจำปี 2556. กรุงเทพฯ : กระทรวงสาธารณะสุข.

กระทรวงสาธารณสุข. (2557). แผนงานพัฒนาพฤติกรรมอนามัยส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเพื่อส่งเสริมสุขภาพตามกลุ่มอายุ. กรุงเทพฯ : กระทรวงสาธารณสุข.

ชุติกาญจน์ ฉัตรรุ่ง และนพนันท์ สิงห์ลาว. (2545). ภาวะสุขภาพและพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของ ผู้สูงอายุในชุมชนจังหวัดสุพรรณบุรี. สุพรรณบุรี : วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุพรรณบุรี.

พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, กระทรวง. (2550). ความรู้เกี่ยวกับผู้สูงอายุ. กรุงเทพฯ: คณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย.

เยาวลักษณ์ อนุรักษ์ และคนอื่นๆ. (2550). “การศึกษากระบวนการพัฒนาชมรมสร้างสุขภาพ : กรณีศึกษา บ้านไผ่งาม ตำบลส้าน อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน,” วารสารสุขภาพภาคประชาชน ภาคเหนือ. 19 (ตุลาคม 2550): 45-49.

วิไลวรรณ ทองเจริญ และ ลิวรรณ อุนนาภิรักษ์. (2543). “ความวิตกกังวล แรงสนับสนุนทางสังคมและความ ต้องการของบุคคลก่อนวัยเกษียณ,” พฤฒาวิทยาและเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ.4 (ตุลาคม – ธันวาคม 2543): 8 –14.

สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง. (2559). ระบบสถิติทางการทะเบียน 2559. กรุงเทพฯ : สำนักบริหารการทะเบียน.

สุวิมล ว่องวาณิช. (2550). การวิจัยประเมินความต้องการจำเป็น. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

อุดมลักษณ์ สุวรรณคีรี และปราโมทย์ วงศ์สวัสดิ์. (2547). การพัฒนารูปแบบการป้องกันและควบคุมโรคอุจจาระร่วงอย่างแรงในกลุ่มคนงานก่อสร้าง อำเภอเมืองนนทบุรี. วารสารวิชาการสาธารณสุข, 2547; 12(4) : 56-62.

Yamane, Taro. (1973). Statistics: An Introductory Analysis. Third editio. Newyork : Harper and Row Publication.