การเผยแผ่เชิงรุกของวัดในบริบทสังคมไทยปัจจุบัน
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) ศึกษาบทบาทการเผยแผ่ของวัดในอดีตและปัจจุบัน 2) เพื่อศึกษาแนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนในกิจกรรมการเผยแผ่เชิงรุกของ วัดป่าจำกู่ ตำบลศรีบัวบาน อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน 3) เพื่อศึกษาความคิดเห็นและข้อเปรียบเทียบที่มีต่อบทบาทและการเผยแผ่เชิงรุกของวัดป่าจำกู่ ตำบลศรีบัวบาน อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ของประชาชนที่มี เพศ อายุ ระดับการศึกษา และอาชีพต่างกันและ 4) เพื่อศึกษาข้อเสนอแนะเกี่ยวกับบทบาทการเผยแผ่เชิงรุกของวัดป่าจำกู่ ตำบลศรีบัวบาน อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือแบบสอบถาม การสัมภาษณ์เชิงลึก (Indepth Interview) จากผู้แทน จำนวน 7 คน และการสนทนากลุ่ม (Focus group discussion) กับคณะพระสังฆาธิการ จำนวน 12 รูป กลุ่มตัวอย่าง คือ ประชาชนในพื้นที่ ตำบลศรีบัวบาน 4 หมู่บ้าน อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ที่เข้าร่วมกิจกรรมทางพระพุทธศาสนากับวัดป่าจำกู่ จำนวน 372 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลมี 2 ประเภท ได้แก่ สถิติเชิงพรรณนา คือ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน คือ การทดสอบค่าที (t-test) และการทดสอบความแปรปรวนแบบทางเดียว (One-Way ANOVA or F-test) ผลการวิจัยพบว่า 1. ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่เข้าร่วมกิจกรรมในโครงการ การเผยแผ่เชิงรุกของวัด จำนวน 1-4 โครงการ จำนวน 205 คน คิดเป็นร้อยละ 55.1 2. ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่เข้าร่วมกิจกรรมในโครงการ การเผยแผ่เชิงรุกของวัด โครงการสร้างทายาทพระพุทธศาสนา จำนวน 302 คน คิดเป็นร้อยละ 10.5 3.ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่รับทราบข่าวสารกิจกรรมการเผยแผ่เชิงรุกของวัดป่าจำกู่ จากแผ่นพับประชาสัมพันธ์ของวัดจำนวน 157 คน คิดเป็นร้อยละ42.2 4. ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่ไปร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่วัดจำนวน 176 คน คิดเป็นร้อยละ47.3 5. ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยมีเพศหญิง จำนวน 271 คน คิดเป็นร้อยละ 72.8มี อายุ 20 ปี ขึ้นไป จำนวน 279 คน คิดเป็นร้อยละ 75.0ส่วนใหญ่การศึกษาระดับมัธยมศึกษา/ปวช. จำนวน 168 คน คิดเป็นร้อยละ 45.2 6. ประชาชนมีความคิดเห็นต่อบทบาทการการเผยแผ่เชิงรุกของวัดป่าจำกู่ ตำบลศรีบัวบาน อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุดด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุดได้แก่ ด้านสาธารณสงเคราะห์ค่าเฉลี่ยที่ 4.42. 7. ประชาชนที่เพศต่างกัน มีความคิดเห็นต่อการเผยแผ่เชิงรุกของวัดป่าจำกู่ ตำบลศรีบัวบาน อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน โดยรวม ไม่แตกต่างกันไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 8. ประชาชนที่อายุต่างกัน มีความคิดเห็นต่อการเผยแผ่เชิงรุกของวัดป่าจำกู่ ตำบลศรีบัวบาน อำเภอเมือง จังหวัดลำพูนด้านการศึกษาสงเคราะห์ไม่แตกต่างกัน 9. ประชาชนที่ระดับการศึกษาต่างกัน มีความคิดเห็นต่อการเผยแผ่เชิงรุกของวัดป่าจำกู่ ตำบลศรี บัวบาน อำเภอเมือง จังหวัดลำพูนโดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 10. องค์ความรู้ใหม่ที่ได้จากงานวิจัย คือ ALERT MODEL
Article Details
เอกสารอ้างอิง
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2539.
กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ, คู่มือครูจริยศึกษา, ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 6, กรุงเทพฯ : กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ, 2522.
กระทรวงศึกษาธิการ, ประวัติการศึกษาของสงฆ์, กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์กรมการศาสนา, 2525.
การศาสนา, กรม. พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์การศาสนา, 2536.