การบริหารธุรกิจตามแนวพุทธ

Main Article Content

มานะ กาญจนแสนส่ง

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาหลักการบริหารธุรกิจ ๒) เพื่อศึกษาหลักธรรมที่เหมาะสมกับการบริหารธุรกิจ 3) เพื่อบูรณาการการบริหารธุรกิจด้วยหลักพุทธธรรมที่เหมาะสมกับการบริหารธุรกิจ 4) เพื่อนำเสนอแนวทางและการสร้างองค์ความรู้ใหม่เกี่ยวกับ “รูปแบบบูรณาการการบริหารธุรกิจด้วยหลักพุทธธรรมที่เหมาะสมกับการบริหารธุรกิจ” โดยการศึกษาข้อมูลจาก พระไตรปิฎก และอรรถกถา เอกสารวิชาการและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง จากนั้นจึงสัมภาษณ์เชิงลึกนักวิชาการทางด้านบริหารธุรกิจและผู้มีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารองค์กรธุรกิจ จำนวน 8 แล้วจึงนำมาวิเคราะห์ สังเคราะห์และนำเสนอในรูปการพรรณนา ผลการศึกษาพบว่า การบริหารธุรกิจคือกระบวนการวางแผน การจัดองค์การ การอำนวยการ และการควบคุมการใช้ทรัพยากรของกิจการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของธุรกิจ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้ผลกำไร ความอยู่รอดขององค์กร และความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งตั้งอยู่บนปัจจัยพื้นฐานในการดำเนินธุรกิจ 4 ประเภท ได้แก่ 1) คน (Man) 2) เงิน (Money) 3) วัสดุหรืออุปกรณ์ (Material) และ4) การจัดการ (Management) เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ความประหยัด การประสานงานและการประชาสัมพันธ์ และ หลักธรรมที่เหมาะสมกับการบริหารธุรกิจ ได้แก่หลักสาราณียธรรม 6 คือ เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม สาธารณโภคี สีลสามัญญตา และทิฏฐิสามัญญ-ตา เพราะเป็นหลักธรรมที่เหมาะสมกับผู้บริหารธุรกิจและพนักงาน เป็นหลักธรรมที่ใช้ปฏิบัติได้จากเบื้องบนสู่เบื้องล่าง และจากเบื้องล่างสู่เบื้องบนในขณะเดียวกัน การบริหารคนนั้นสามารถบูรณาการด้วยหลักธรรมข้อเมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม สีลสามัญญตา และทิฏฐิสามัญญตา การบริหารการเงินใช้หลักสีลสามัญญตา และทิฏฐิสามัญญตา การบริหารวัสดุหรืออุปกรณ์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดควรใช้หลักสาธารณโภคี ส่วนการจัดการนั้นต้องใช้หลักสาราณียธรรมทุกข้อเข้ามาบูรณาการจึงจะเกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ สรุปได้ว่า การบริหารธุรกิจตามแนวพุทธนั้น นอกจากจะทำให้คนทำงานอย่างมีความสุข บริหารเงินอย่างถูกต้องมีคุณธรรม มีการใช้จ่ายสินค้าอย่างคุ้มค่ารักษาทั้งประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่น รักษาสิ่งแวดล้อม สร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในองค์กร และที่สำคัญคือ เป็นทางที่นำไปสู่สังคมแห่งความรักความสามัคคี เป็นสังคมที่มุ่งประโยชน์ส่วนรวม มีเมตตา รู้จักแบ่งปัน ยึดถือกฎกติการ่วมกัน มีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ผลของการศึกษาทั้งหมดสามารถนำมาสร้างรูปแบบ เพื่อส่งเสริมบทบาทและความสำคัญของการบริหารธุรกิจตามแนวพุทธ เรียกว่า “LGRU-B MODEL” L = Loving-Kindness (ความเมตตา), G = Generosity (การแบ่งปัน), R = Regulations (กฎกติกา), U = Understanding (เข้าใจกัน) ก่อให้เกิด B = Buddhist Business Management (การบริหารธุรกิจแนวพุทธ)

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
กาญจนแสนส่ง ม. (2013). การบริหารธุรกิจตามแนวพุทธ. วารสาร สถาบันวิจัยญาณสังวร มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 4(1), 47–56. สืบค้น จาก https://so04.tci-thaijo.org/index.php/yri/article/view/174323
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย,มหาวิทยาลัย. พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. เล่มที่ ๑๑, ๑๒, ๑๔, ๒๒, ๒๕,๓๓ กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์การศาสนา, ๒๕๓๐.

มหามกุฏราชวิทยาลัย, มูลนิธิ. พระไตรปิฎกและคัมภีร์อรรถกถา เล่มที่ ๑๐, ๖๐, ๘๐. กรุงเทพมหานคร โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๒๕.

ธนวรรธ ตั้งสินทรัพย์ศิริ. การจัดการสมัยใหม่. กรุงเทพมหานคร : เสมาธรรม, ๒๕๔๗.

ธีรวุฒิ ประทุมนพรัตน์. ทฤษฎีการบริหารและการจัดการองค์การ. สงขลา : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, ๒๕๓๑

พุทธทาสภิกขุ. การบริหารธุรกิจแบบพุทธ. กรุงเทพมหานคร : อตัมมโย, ๒๕๓๑

พระธรรมปิฎก(ประยุทธ์ ปยุตฺโต). พจนานุกรมฉบับประมวลศัพท์ธรรม. พิมพ์ครั้งที่ ๑๒. กรุงเทพมหานคร: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๔๖.

เรวัตร์ ชาตรีวิศิษฏ์. เทคนิคการบริหารเงินทุนหมุนเวียน. กรุงเทพมหานคร : ธรรมนิติ, ๒๕๓๘.

สุชาติ ศุภมงคล. การบริหารวัสดุยุคใหม่. กรุงเทพมหานคร : ธรรมนิติ, ๒๕๓๕.

สมคิด บางโม. หลักการจัดการ. กรุงเทพมหานคร : นำอักษรการพิมพ์, ๒๕๓๘.

อำนวย แสงสว่าง. การจัดการทรัพยากรมนุษย์. กรุงเทพมหานคร : อักษรการพิมพ์, ๒๕๔๔.