ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนและการบริหารงานขององค์การบริหารส่วนตำบลจังหวัดสุราษฎร์ธานี
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เปรียบเทียบระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนและการบริหารงานขององค์การบริหารส่วนตำบลจังหวัดสุราษฎร์ธานี 2) ศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนและการบริหารงานขององค์การบริหารส่วนตำบล และ 3) ศึกษาปัญหาอุปสรรคของการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนและการบริหารงานขององค์การบริหารส่วนตำบล การวิจัยครั้งนี้ผสมผสานในการวิจัยเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ มีวิธีการวิจัยโดยใช้แบบสอบถาม กลุ่มตัวอย่างเป็นประชาชนที่เป็นหัวหน้าครอบครัวที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นจังหวัดสุราษฏร์ธานี จำนวน 880 คนจาก 6 อำเภอ ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลจำนวน 44 แห่ง และการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) จากผู้แทนจำนวน 10 คน โดยผู้วิจัยใช้แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง (Structure Interview) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าคะแนนเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ โดยใช้สูตรสหสัมพันธ์ของเพียร์สัน (Pearson Product-Moment Correlation Coefficient) เมื่อเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยรวมและเป็นรายด้าน จำแนกตามเพศ การศึกษา อาชีพ และรายได้ พบว่าตัวแปรภูมิหลังทางเศรษฐกิจและสังคม ต่างกัน การมีส่วนร่วมทางการเมืองในภาพรวมและด้าน การร่วมกิจกรรมการเลือกตั้ง และด้านการชักชวนให้ผู้อื่นไปเลือกตั้งแตกต่างกัน 2) ปัจจัยที่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน ได้แก่ ความรับผิดชอบต่อสังคม การได้รับข้อมูลข่าวสาร สัมพันธภาพกับเพื่อน การเข้าร่วมกับกลุ่มในท้องถิ่น ส่วนปัจจัยที่ไม่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน ได้แก่ความเชื่อมั่นในตนเอง สำหรับปัจจัยที่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วมการบริหารงานองค์การบริหารส่วนตำบล ได้แก่ สัมพันธภาพกับเพื่อน และการเข้าร่วมกับกลุ่มในท้องถิ่น ส่วนปัจจัยที่ไม่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วมการบริหารงานองค์การบริหารส่วนตำบล ได้แก่ความรับผิดชอบต่อสังคม และความเชื่อมั่นในตนเอง 3) ปัญหาอุปสรรคของการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน และการบริหารงานขององค์การบริหารส่วนตำบล พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีความกระตือรือร้น หรือสนใจทางการเมือง มองการเมืองเป็นเรื่องที่น่าเบื่อและไม่ต้องการเข้ามามีส่วนร่วม ในขณะที่ปัญหาอุปสรรคการมีส่วนร่วมในการบริหารงานองค์การบริหารส่วนตำบล ได้แก่ ประชาชนไม่มีเวลาในการเข้าร่วมการบริหารงานองค์การบริหารส่วนตำบล สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลทำงานไม่โปร่งใส มีการทุจริต ประชาชนเห็นว่าตัวเองไม่สำคัญ และมองว่าการบริหารงานองค์การบริหารส่วนตำบลไม่ใช่หน้าที่ของตนเอง
Article Details
เอกสารอ้างอิง
ไชยพร ตัณฑ์จิตานนท์. (2536). การมีส่วนร่วมทางการเมืองท้องถิ่นในรูปเทศบาล กรณีศึกษาเทศบาลนครเชียงใหม่. ปริญญานิพนธ์ การศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาพัฒนศึกษาศาสตร์. กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
ธงชัย วงศ์ชัยสุวรรณ และเทียนชัย วงศ์ชัยสุวรรณ. (2542). การมีส่วนร่วมทางการเมืองของชนชั้นกลาง. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.
นวลน้อย ตรีรัตน์ และคณะ.(2547). การมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบการดำเนินงานขององค์การบริหารส่วนตำบล. รายงานการวิจัย สถาบันพระปกเกล้า
สิริพัฒน์ ลาภจิตร. (2550). ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจมีส่วนร่วมของประชาชนในการสนับสนุนการบริหารงานองค์การบริหารส่วนตำบล อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี. ปริญญานิพนธ์ สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์. กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สถาบันดำรงราชานุภาพ.(2546). ปัญหาการบริหารงานขององค์การบริหารส่วนตำบล. รายงานการวิจัย สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับกองวิชาการและแผนงาน กรมการปกครอง. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่น.
McClosky, Herbert. (1968). “Political Participation” in International Encyclopedia of Social Science. Vol.12.
Milbrath, Lester W and M.L. Gorl. 1977 Political paticipation : How and why do people get involved in politics. Chicago: Rand McNally College
Nie, Norman H. ; & Verba, Sidney. (1975). “Political Participation,” in Handbook of Political Science. Vol. 4. Edited by Greenstein, Fred I. ; & Polsby, Nelson W. Massachusetts: Addision Wesley
Rosenstone J. Steven and John Mark Hansen. 2003. Mobilization, participation and democratization in America. Washington : Macmillan.
Sherry R. Arnstein, “A Ladder of Citizen Participation”. Journal of the Royal Town Planning Institute. April 1971.