บทบาทของพระสงฆ์ในการพัฒนาชุมชนอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ (1) เพื่อศึกษาบทบาทของพระสงฆ์ในการพัฒนาชุมชน อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา (2) เพื่อเปรียบเทียบบทบาทของพระสงฆ์ในการพัฒนาชุมชน อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล และ (3) เพื่อศึกษาปัญหาและแนวทางการพัฒนาบทบาทของพระสงฆ์ในการพัฒนาชุมชน อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ดำเนินการวิจัยทั้งวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative research) และ การวิจัยเชิงปริมาณคุณภาพ(Qualitative research)เก็บข้อมูลภาคสนาม (Field Study) จากประชาชนในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จำนวน 398 คนเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลในครั้งนี้ คือแบบสอบถาม (Questionnaires) และแบบสัมภาษณ์ (Interview) ทั้งคำถามปลายปิดและคำถามปลายเปิด วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้โดยหาค่าความถี่ (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation : S.D.) และทดสอบสมมติฐานโดยทดสอบค่าที ( t-test) และค่าเอฟ (F-test) วิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว (One-Way Analysis of Variance) การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative research) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก (In depth Interview ) จากผู้ให้ข้อมูลสำคัญ ผลการวิจัย พบว่า 1. บทบาทของพระสงฆ์ในการพัฒนาชุมชน อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พบว่า ประชาชนในเขตอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.63 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน โดยเรียงลำดับตามค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด ได้แก่ ด้านวัฒนธรรม รองลงมาคือ ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม ด้านสาธารณสุข และด้านเศรษฐกิจ ตามลำดับ 2. ผลเปรียบเทียบบทบาทของพระสงฆ์ในการพัฒนาชุมชน อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล พบว่า ประชาชนที่มี เพศ อายุ การศึกษาและอาชีพ ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อบทบาทของพระสงฆ์ในการพัฒนาชุมชนในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยภาพรวมไม่แตกต่างกัน ซึ่งไม่เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้
Article Details
เอกสารอ้างอิง
วิชัย แจ้งสุข. (2529). บทบาทศาสนาต่อสังคม,พุทธต่อสังคม. รัฐศาสตร์นิเทศ 112 (สิงหาคม).
สำนักงานทะเบียนราษฎร์. (2558). ข้อมูลประชากรอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พุทธศักราช
สุภาพรรณ ณ บางช้าง. (2535). พุทธธรรมที่เป็นรากฐานของสังคมไทย. กรุงเทพมหานคร : สถาบันไทยศึกษา จุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย.