การพัฒนาสมรรถนะพระสังฆาธิการระดับอำเภอในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 8
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาสมรรถนะพระสังฆาธิการระดับอำเภอ 2) เพื่อพัฒนาสมรรถนะพระสังฆาธิการระดับอำเภอ 3) เพื่อเสนอแนวทางการพัฒนาสมรรถนะพระสังฆาธิการระดับอำเภอ เป็นการวิจัยผสมผสานปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม โดยมีระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ ประกอบด้วย 1) การศึกษาเอกสาร 2) การสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ 12 รูป 3) การสนทนากลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญ 6 รูป/คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา และการวิจัยเชิงปริมาณ คือ การแจกแบบสอบถามพระสังฆาธิการระดับอำเภอ 75 รูป วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าสถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1. สมรรถนะของเจ้าคณะอำเภอในเขตการปกครองคณะสงฆ์ภาค 8 มีเพียงบางด้านที่ควรได้รับการพัฒนา ดังนี้ 1) สมรรถนะด้านปกครอง พระสังฆาธิการระดับอำเภอบางส่วนยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องการปกครองคณะสงฆ์และเรื่องการบริหารตามศาสตร์สมัยใหม่ 2) สมรรถนะด้านการเผยแผ่ พระสังฆาธิการระดับอำเภอส่วนใหญ่มีการจัดการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงรับเป็นส่วนมาก และขาดความรู้ในเรื่องการจัดการเผยแผ่พระพุทธศาสนาผ่านสื่อต่างๆ 3) สมรรถนะด้านสาธารณูปการ พระสังฆาธิการจำนวนหนึ่งขาดความรู้ในด้านการวางแผนพัฒนาระบบสาธารณูปการภายในวัด การกำหนดแผนพัฒนาการบริหารจัดการพัฒนาวัด การบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะ โบราณสถาน และโบราณวัตถุภายในวัด การก่อสร้าง และการจัดการศาสนสมบัติของวัด 2. แนวทางการพัฒนาสมรรถนะพระสังฆาธิการระดับอำเภอในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 8 มีองค์ประกอบหลัก จำนวน 6 องค์ประกอบ ได้แก่ 1 หลักการ 2. เป้าหมาย 3. จุดมุ่งหมาย 4. การเตรียมการพัฒนา 5. กระบวนการพัฒนา และ 6. การประเมินประเด็นการพัฒนาสมรรถนะพระสังฆาธิการมี 6 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านการปกครอง 2) ด้านศาสนศึกษา 3) ด้านการศึกษาสงเคราะห์ 4) ด้านการเผยแผ่ 5) ด้านสาธารณูปการ และ 6) ด้านสาธารณสงเคราะห์ ซึ่งในการพัฒนาสมรรถนะทั้ง 6 ด้านนั้นจะประกอบด้วย ก. ความรู้ ตามแต่ละสมรรถนะทั้ง 6 ด้าน และ ข. การพัฒนา ได้แก่ การให้การศึกษา การบรรยาย การประชุมเชิงปฏิบัติการ อภิปรายกลุ่ม การระดมสมอง และการศึกษาดูงานนอกสถานที่ 3. แนวทางการพัฒนาสมรรถนะพระสังฆาธิการระดับอำเภอในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 8 ในภาพรวม มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด และเมื่อพิจารณาองค์ประกอบหลักทั้ง 6 พบว่า องค์ประกอบที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 5 มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด องค์ประกอบที่ 4 และที่ 6 มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก
Article Details
เอกสารอ้างอิง
คณาจารย์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. การปกครองคณะสงฆ์ไทย. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพมหานคร : มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2553.
บุญชม ศรีสะอาด. การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพมหานคร: ชมรมเด็ก, 2545.
พระครูกิตติญาณวิสิฐ (ธนา กิตฺติาโณ). “สมรรถนะของผู้บริหารสำนักศาสนศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกธรรม ตามหลักพุทธธรรม”. วิทยานิพนธ์ปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต (พุทธบริหารการศึกษา). บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2557
.
พระครูปริยัติกิตติธำรง (ทองขาว กิตฺติธโร). “บทบาทพระสงฆ์กับการพัฒนาสังคมยุคปัจจุบัน”. รายงานการวิจัย. สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2551.
พระเทพปริยัติสุธี (วรวิทย์ คงฺคปญฺโญ). เอกสารประกอบคำบรรยาย เรื่องการปกครองคณะสงฆ์และการพระศาสนา. กรุงเทพมหานคร : มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2540.
พระธรรมปิฎก (ป. อ. ปยุตฺโต). ทางสายอิสรภาพของการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร : สหธรรมิก, 2541.
พระมหาธฤติ วิโรจโน (รุ่งชัยวิทูร). “รูปแบบการพัฒนาพระสังฆาธิการเพื่อประสิทธิภาพการบริหารกิจการคณะสงฆ์”. วิทยานิพนธ์ปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต (รัฐประศาสนศาสตร์). บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2556.
พระมหาธฤติ วิโรจโน (รุ่งชัยวิทูร). “รูปแบบการพัฒนาพระสังฆาธิการเพื่อประสิทธิภาพการบริหารกิจการคณะสงฆ์”. วิทยานิพนธ์ปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต (รัฐประศาสนศาสตร์). บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2556.
พระมหาศรณชัย มหาปุญฺโ (การะเวก). “การพัฒนาการบริหารกิจการคณะสงฆ์ของพระสังฆาธิการในยุคโลกาภิวัตน์”. วิทยานิพนธ์ปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต (รัฐประศาสนศาสตร์). บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2556.
พระมหาสมทรง สิรินฺธโร และคณะ. บทบาทของวัดและพระสงฆ์ไทยในอนาคต. กรุงเทพมหานคร : เคล็ดไทย, 2525.
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2539.
สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ), คู่มือพระสังฆาธิการว่าด้วยเรื่องการคณะสงฆ์และการศาสนา, กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์การศาสนา, 2540.
เสาวนีย์ ไชยกุล และนางจงจิตร แสงทอง. “บทบาทพระสังฆาธิการที่มีต่อการพัฒนาศาสนศึกษาและการศึกษาสงเคราะห์จังหวัดพะเยา”. รายงานการวิจัย. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2554.
อนันต์ นามทองต้น. “การพัฒนาตัวบ่งชี้สมรรถนะการบริหารจัดการเรียนรู้ของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน”. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษาดุษฎีบัณฑิต, สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยนเรศวร, 2553.
Cronbach, Lee J. Essentials of psychological testing. 4th ed. New York : Harper & Row, 1971.
Hearn Close Smith Southey. Defining generic competencies in Australia : Towards a framework for professional development, Asia Pacific Journal of Human Resources, 34(3), 1996, pp. 44-62.
Likert, Rensis, “The Method of Constructing and Attitude Scale”, in Reading in Attitude Theory and Measurement. Fisheye, Matlin, Ed, New York : Wiley & Son, 1967 : 90-95.