การประยุกต์หลักอปริหานิยธรรมเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนต่อนโยบายด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมของเทศบาลเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน

บทคัดย่อ

วิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับการมีส่วนร่วมของประชาชน 2) เปรียบเทียบความคิดเห็นของประชาชน โดยจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล 3) นำเสนอแนวทางการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ระเบียบวิธีวิจัยเป็นการวิจัยแบบผสานวิธี คือ 1) เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ ใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูล จากประชากรกลุ่มตัวอย่างในเขตพื้นที่เทศบาลเมืองลำพูน จำนวน 385 คน จากประชากรทั้งหมด 9.680 คน และใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน มาทดสอบสมมติฐานด้วยการทดสอบค่าที และค่าเอฟ และ2) การวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้การสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 12 รูปหรือคน วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหาเชิงพรรณนา

          ผลการวิจัยพบว่า

1) ระดับการมีส่วนร่วมของประชาชน รายด้านพบว่า อยู่ในระดับมากทุกด้าน และด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ด้านการมีส่วนร่วมในการประเมินผล อยู่ในระดับมาก

2) ผลการเปรียบเทียบระดับการมีส่วนร่วมของประชาชน ตามปัจจัยส่วนบุคคลตามสมมติฐานที่ 1 – 5 พบว่า ด้านอายุ และอาชีพ ยอมรับสมมติฐานการวิจัย ส่วนด้านเพศ ระดับการศึกษา และรายได้ต่อเดือน ปฏิเสธสมมติฐานการวิจัย

3) แนวทางการการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ด้วยหลักอปริหานิยธรรม 7 คือ (1) กำหนดปฏิทินการประชุม  (2) กำหนดจัดการประชุมที่มีวาระชัดเจน (3) ออกกฎระเบียบและข้อตกลง (4) ส่งเสริมกิจกรรมเพื่อแสดงออกถึงการเคารพนับถือผู้ใหญ่หรือผู้อาวุโส และผู้นำ (5) ส่งเสริมให้ประชาชนมีบทบาทสำคัญร่วมกับชุมชน (6) ส่งเสริมจัดกิจกรรมตามประเพณีหรือโอกาสสำคัญต่างๆ และถ่ายทอดแลกเปลี่ยนประสบการณ์ (7) เน้นการ บูรณาการการทำงาน