โรคระบาดกับคุณค่าความเป็นมนุษย์ใน เมะมุฌิริ โคะอุชิ
Main Article Content
บทคัดย่อ
ความป่วยไข้และโรคภัยเป็นประเด็นที่ถูกนำเสนอในวรรณกรรมชาติต่างๆมาเป็นเวลานาน นอกจากเอกสารทางวิชาการและหลักฐานทางประวัติศาสตร์อื่นๆแล้ว เรายังสามารถเรียนรู้และรับทราบถึงความเป็นไปในอดีตเกี่ยวกับเรื่องความเจ็บป่วย ความเจ็บไข้ โรคภัยและโรคระบาดต่างๆผ่านวรรณกรรม การเล่าเรื่องโรคภัยต่างๆผ่านวรรณกรรมนี้ไม่เพียงเป็นการเอื้อให้ผู้อ่านสามารถจินตนาการถึงสภาพความเป็นไปของสังคมในขณะที่เกิดโรคภัยต่างๆเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดของผู้เขียนที่มีต่อประเด็นปัญหาสังคมอื่นๆบางประการที่ดำรงอยู่ในขณะนั้น สำหรับนวนิยายร่วมสมัยของญี่ปุ่นเรื่อง เมะมุฌิริ โคะอุชิ『芽むしり仔撃ち』ที่รังสรรค์ขึ้นโดยโอเอะ เค็นสะบุโร ใน ค.ศ. 1958 ก็เช่นกัน ผู้เขียนได้ใช้ “โรคระบาด” (疫病)ที่มีลักษณะอาการคล้ายโรคห่า เป็นองค์ประกอบสำคัญในการนำเสนอประเด็นปัญหาต่างๆในสังคมญี่ปุ่นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ในบทความวิจัยชิ้นนี้ผู้วิจัยมีวัตถุประสงค์ที่จะศึกษาว่าผู้เขียนได้ใช้ “โรคระบาด” ในฐานะที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในนวนิยายเรื่อง เมะมุฌิริ โคะอุชิ อย่างไร อีกทั้งการใช้โรคระบาด ในฐานะที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในเรื่อง ได้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาสังคมหลังสงครามโลกครั้งที่สองและแนวคิดที่เกี่ยวกับมนุษย์ในสังคมร่วมสมัยอย่างไร จากการศึกษาพบว่าผู้เขียนได้ใช้องค์ประกอบสำคัญคือ “โรคระบาด”ในการสร้างกระบวนการลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ของกลุ่มตัวละครเอก และถ่ายทอดปัญหาเรื่องคุณค่าความเป็นมนุษย์ เช่น ความเหลื่อมล้ำในสังคม และปัญหาการถูกกดทับทางอำนาจในสังคมญี่ปุ่นในช่วงเวลาดังกล่าว อันเป็นภาพสะท้อนของมนุษย์ในแง่ลบ แต่ในขณะเดียวกัน “โรคระบาด” เป็นองค์ประกอบสำคัญของเรื่องในการนำเสนอประเด็นเรื่องคุณค่าความเป็นมนุษย์ในแง่บวก เช่น ความมีอิสรภาพเป็นเอกเทศของมนุษย์ มิตรภาพระหว่างเพื่อนมนุษย์ ซึ่งตอกย้ำแนวคิดเรื่องความเป็นสองนัย (両義性)ของสรรพสิ่งที่โอเอะ เค็นสะบุโรยึดถือ
Article Details
ข้อความและข้อคิดเห็นต่างๆ ในบทความเป็นของผู้เขียนบทความนั้นๆ ไม่ใช่ความเห็นของกองบรรณาธิการหรือของวารสาร jsn Journal
เอกสารอ้างอิง
เดือนเต็ม กฤษดาธานนท์. (2547). คำนำในฆ่ามันซะ อย่าให้มันโต. สำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์.
เดือนเต็ม กฤษดาธานนท์. (2549). พัฒนาการการสร้างตัวละครหญิงในวรรณกรรมของโอเอะ เคนสะบุโร.วิทยานิพนธ์ดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาวรรณคดีและวรรณคดีเปรียบเทียบ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
นรีนุช ดำรงชัย. (2562). ญี่ปุ่นยุคร่วมสมัย: การเปลี่ยนแปลงทางสังคม การเมือง เศรษฐกิจและวัฒนธรรม. สำนักพิมพ์สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.
โรล็องด์ บาร์ตส์. (2547). มายาคติ. แปลโดยวรรณพิมล อังคศิริ. โครงการจัดพิมพ์คบไฟ.
สุนันทา วรรณศิลป์ เบล. (2020). โรคระบาดในวรรณกรรม (Nooks and Vulture) สืบค้นจาก https://www.the101.world/epidemics-in-literature/
สุรเดช โชติอุดมพันธ์. (2556). “El amoren los tiempos de cólera: เมื่อความรักคือโรคาในลาตินอเมริกา”ใน กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ. (2556). รักเมื่อคราวห่าลง. แปลโดย รัชยา เรืองศรี. สำนักพิมพ์บทจร .
โอเอะ เค็นสะบุโร. (2547). ฆ่ามันซะ อย่าให้มันโต. แปลโดย เดือนเต็ม กฤษดาธานนท์. สำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์.
Burns, S. (2004). “Making Illness into Identity: Writing “Leprosy Literature” in Modern Japan”In Japan Review No.16, International Research Centre for Japanese Studies, National Institutefor the Humanities, 191-211.
Centeno, M. (2011). “Discovering Minorities in Japan: First Korean Representations in Japanese Cinema.” In The Asian Conference on Cultural Studies 2011. ACCS2011. Osaka. 126-137. Retrieved from https://www.researchgate.net/publication/322919052_Discovering_Minorities_in_Japan_First_Korean_Representations_in_Japanese_Cinema/link/5a760c2645851541ce58863f/download
Johnston, W. (2020). The Modern Epidemic-A History of Tuberculosis in Japan. E-book (brill.com)
Napier, S. J. (1996). Escape from the Wasteland: Romanticism and Realism. In the Fiction of Mishima Yukio and Oe Kenzaburo (Harvard-Yenching Institute Monograph Series). Harvard University Asia Center.
Ryang, S. (2014) . “Space and Time: The Experience of the "Zainichi", The Ethnic Korean Population of Japan.” In Urban Anthropology and Studies of Cultural Systems and World Economic Development Vol. 43, No. 4, Special Issue: Emigration and Immigration: The Case of South Korea (WINTER 2014), 519-550. Retrieved from https://www.jstor.org/stable/24643204?seq=1#metadata_info_tab_contents
Spender, S. (1948). “Looking at Albert Camus’s “The Plague” in the New York Times (1 August 1948) Retrieved from https://www.nytimes.com/2020/05/15/books/review/looking-at-albert-camuss-the-plague.html
คิมยองยุน 金冷垠 (2006).あいまいな」存在としての在日像:大江健三郎の叫び声』を中心に神戸都市研究』(創刊号), 71-83.Retrieved from http://wwwlib.kobe-u.ac.jp/repository/80030008.pdf
ทะกะโอะ อิชิโจ孝夫一条 (1997).『大江健三郎―その文学の世界と背景』 和泉書院 .
ทะนิโมะริ มะซะฮิโระ และ คิมซุนอิล谷守正寛、金善日(2002) .「朝鮮人」という呼称をめぐって」鳥取大学 教育地域科学部紀要教育・人文科学』3 (2),113-133.Retrieved from file:///C:/Users/Admin/Downloads/ tujfersesh3(2)_ 113(1)%20(4).pdf
อะเบะ อิชิ 阿部一(2002).「現代日本文学にみられるアニミズム的自然観の位相空間モデル」『東洋学園大学紀要』東洋学園大学 Retrieved from https://dl.ndl.go.jp/info:ndljp/pid/8214891
อิวะตะ เอะอิซะกุ 岩田英作(1989).「『芽むしり仔撃ち』論:僕の修正をめざして」『近代文学試論27号』広島大学近代文学研究会,42-52.
อิเกะดะ อิซะโอะ 池田功 (2002).「日本近代文学と結核-負の青春文学の系譜」『明治大学人文科学研究所紀要 第五十一冊』明治大学, 1-24.
โอเอะ เค็นสะบุโร 大江健三郎(1958).「後記」『死者の奢り』文芸春秋.
โอเอะ เค็นสะบุโร 大江健三郎(1962).『世界の若者たち』新潮社.[22] โอเอะ เค็นสะบุโร 大江健三郎(1997).『芽むしり仔撃ち』新潮文庫