การขับเคลื่อนของประชาชนในการผลักดันวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช สู่การเป็นมรดกโลก Mobilization towards Making Wat Phra Mahathat Worramahawihan, Nakhon Si Thammarat to be World Heritage

Abstract

              วิจัยเรื่อง การขับเคลื่อนของประชาชนในการผลักดันวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารสู่การเป็นมรดกโลก มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการขับเคลื่อนของประชาชนในการผลักดันวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารสู่การเป็นมรดกโลก วิเคราะห์ปัญหา ปัจจัยสู่ความสำเร็จ และเสนอแนวทางการขับเคลื่อนของประชาชนในการผลักดันวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารสู่การเป็นมรดกโลก เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ภายใต้กระบวนทัศน์สังคมศาสตร์เชิงตีความและกระบวนทัศน์ทางรัฐประศาสนศาสตร์เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสัมภาษณ์ หน่วยในการวิเคราะห์ คือ ผู้ที่เกี่ยวข้องและมีส่วนได้ส่วนเสียกับการดำเนินการ ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน จำนวน 22 คน

             ผลการวิจัย พบว่า การดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารสู่มรดกโลกทางวัฒนธรรม เป็นการทำงานร่วมกันของชาวนครศรีธรรมราชในลักษณะสานพลังประชารัฐ โดยภาครัฐมีหน้าที่หลักในการดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ขององค์การยูเนสโก ส่วนผู้ประกอบการ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ชุมชน และประชาชนซึ่งมีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับแหล่งมรดกตระหนักในคุณค่า เกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของ หวงแหน จึงนำตนเองเข้ามามีส่วนร่วมอนุรักษ์และพัฒนาในลักษณะต่าง ๆ ตามความสนใจ การดำเนินการมีปัญหาต่าง ๆ แต่เมื่อวิเคราะห์สภาพปัญหากลับพบว่า ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากความรู้สึกเป็นเจ้าของ ส่วนปัจจัยสู่ความสำเร็จอยู่ที่คณะทำงาน โดยมีหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนให้การสนับสนุนและเข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนด้วยแนวทางการบริหารแบบมีส่วนร่วมและประชาธิปไตยแบบปรึกษาหารือ

               The purpose of this research were 1) to study the mobilization towards making Wat Phra Mahathat Worramahawihan, Nakhon Si Thammarat to be the world heritage. 2) to study problems and analyze problems about the mobilization towards making Wat Phra Mahathat Worramahawihan, Nakhon Si Thammarat to be the world heritage. 3) to study the success factors of the mobilization towards making Wat Phra Mahathat Worramahawihan, Nakhon Si Thammarat to be the world heritage. 4) to propose the mobilization towards making Wat Phra Mahathat Worramahawihan, Nakhon Si Thammarat to be the world heritage. This research is a qualitative research which is studied under the paradigm of social sciences and the paradigm of public administration. The Unit of analysis is stakeholders from the public sector, private sector and civil society of 22 people.

             The research shows that the operation for the mobilization towards making Wat Phra Mahathat Worramahawihan, Nakhon Si Thammarat to be the world cultural heritage was a collaboration of local people under the concept of “Public-Private Partnership”. The public sector had a primary duty to operate in accordance with the criteria of UNESCO. Entrepreneurs, stakeholders, communities and local people who had a way of life connecting to the cultural heritage, were aware of the value of the cultural heritage and engaged in their community put themselves with personal interests in a position to participate in different kinds of preservation and development. To be included on the World Heritage List, there were many problems. For problem analysis, the research finds that main problems were caused by the community engagement. On the other hand, a key success factor was “teamwork” cooperated by the public sector, private sector and civil society to support and participate in the operation by using participation management and deliberative democracy.