การเปรียบเทียบพฤติกรรมการออมเพื่อการวางแผนการเกษียณของกลุ่มประชาชนทั่วไป กับกลุ่มข้าราชการ A comparison of saving behaviors for retirement in general public and officials

Main Article Content

อุบลวรรณ ขุนทอง
บุญธรรม ราชรักษ์

บทคัดย่อ

งานวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเปรียบเทียบพฤติกรรมการออมเพื่อการวางแผนการเกษียณของกลุ่มประชาชนทั่วไปกับกลุ่มข้าราชการ และศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการออมของกลุ่มประชาชนทั่วไปกับกลุ่มข้าราชการ ในเขตกรุงเทพมหานคร  กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือกลุ่มประชาชนทั่วไปกับกลุ่มข้าราชการ จำนวน 600 คน วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบไม่ใช้ความน่าจะเป็น(Non-Probability Sampling) โดยมีการสุ่มตัวอย่างใช้วิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน(Multi stage random sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามพฤติกรรมการออมและการจัดการการเงินก่อนเกษียณอายุ ตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหามีค่าดัชนีความสอดคล้องเท่ากับ 1.00 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.89 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การทดสอบค่า F-test และนำเสนอผลในเชิงเปรียบเทียบ


          ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มประชาชนทั่วไป ที่มีเงินออมส่วนใหญ่เป็นเพศชาย  มีอายุระหว่าง 31 – 40 ปี มีสถานภาพสมรส มีจำนวนสมาชิกในครอบครัว 4 คนขึ้นไป มีบุตรที่อยู่ในความดูแล 1 คน รายได้ต่อเดือนและค่าใช้จ่ายต่อเดือน เฉลี่ย 30,001 บาทขึ้นไป ส่วนกลุ่มข้าราชการ ที่มีเงินออมส่วนใหญ่เป็นหญิง มีอายุระหว่าง 41 – 50  ปี มีสถานภาพสมรส ไม่มีบุตร มีบุคคลในครอบครัวที่อยู่ในความรับผิดชอบ 4 คนขึ้นไป มีรายได้และค่าใช้จ่ายต่อเดือนเฉลี่ย 30,001 บาทขึ้นไป


          ด้านพฤติกรรมการออม พบว่า ความแตกต่างของอาชีพทั้ง 2 กลุ่มคือกลุ่มประชาชนทั่วไปและกลุ่มข้าราชการ จะมีพฤติกรรมการเลือกออมเงินไม่แตกต่างกัน มีการออมในแต่ละเดือน แต่ไม่มีการตั้งวงเงินที่แน่นอน มีจำนวนเงินออมเฉลี่ยต่อเดือน 1,000 – 5,000 บาท ระยะเวลาในการเก็บออม 1-5 ปี ส่วนด้านการจัดสรรเงินออมในแต่ละเดือนส่วนใหญ่ทั้ง 2 กลุ่มจะมีการกำหนดเงินออมไว้แน่นอนในแต่ละเดือน ส่วนใหญ่ฝากเงินกับสถาบันการเงิน แหล่งศึกษาข้อมูลการเก็บออมมาจากเพื่อน ญาติ คนในครอบครัวและมีแนวโน้มการออมในอนาคตเพิ่มขึ้นแต่มีวัตถุประสงค์หลักในการเก็บออมที่แตกต่างกัน คือกลุ่มข้าราชการจะมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อใช้จ่ายยามฉุกเฉิน ส่วนกลุ่มประชาชนทั่วไปมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเป็นทุนการศึกษาของบุตรหลาน

Article Details

ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

Financial literacy department Bank of Thailand (2016). Report of the Financial Skills Survey of Thailand 2016. Bangkok: Bank of Thailand. (in Thai)

Fiscal Policy Office Ministry of Finance. (2015). The coverage of the Thai pension system. Retrieved 2018, December 1, from www.fpo.go.th/S-I/Source/Article/Article146.pdf.

Hamamanee, S. (2013). Forms and Factors Affecting Household Savings in Bangkok Metropolis. The National Academic Conference 2013, Association of Private Higher Education

Institutions of Thailand.(in Thai)

Kusirisin, P. (2008). Factors affecting household saving. In the Mueang district Chiang Mai Province. (Master of Economics). Chiang Mai University. (in Thai)

National Statistical Office. Population. Retrieved 2018, December 2, from https://portal.nso.go.th/otherFranco Modigliani.

Office of the Securities and Exchange Commission. (2014). Creating financial stability after Retired for Thais. Retrieved 2015, December 2, from https://www.sec.or.th/EN/Documents/Information/ResearchesStudies / research_retirement.pdf

Roekksanat, J. (2012). Comparison of saving behavior among employees of private companies and civil servants in the area. Bangkok. (Master of Business Administration). Rajamangala University of Technology Thanyaburi. Faculty of Business Administratio. (in Thai)

Suwanan, T. (2010). Factors affecting household saving behavior. (Research report). Faculty of Business Administration Rajamangala University of Technology Thanyaburi. (in Thai)

Yotsatham, R. (2008). Comparison of saving behaviors of employees of private companies and civil servants in the area Bangkok. (Master of Business Administration). Rajamangala University of Technology Thanyaburi. Faculty of Business Administration. (in Thai)